พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เผยความคืบหน้าการมีส่วนร่วมจัดทำร่างมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระฯ ว่าได้ส่งความเห็นพร้อมข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินให้คณะทำงานพิจารณายกร่างมาตรฐานจริยธรรมดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยเห็นควรให้ใช้ร่างมาตรฐานจริยธรรม ฉบับยาว พร้อมย้ำให้พิจารณาบริบทและลักษณะของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่จะต้องอยู่ภายใต้การบังคับของมาตรฐานทางจริยธรรมนี้ รวมทั้งปรับเปลี่ยนเนื้อหาของค่านิยมหลัก 9 ประการ เพื่อความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นหนึ่งในองค์กรอิสระในคณะทำงานการจัดทำมาตรฐานทางจริยธรรม ตามร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช....มาตรา 219 ซึ่งคณะทำงานดังกล่าวประกอบด้วย ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาตินั้น ในส่วนของผู้ตรวจการแผ่นดินได้แต่งตั้งให้นายกมลธรรม วาสบุญมา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมมาตรฐานจริยธรรมเป็นผู้แทนในคณะทำงานนี้เพื่อประชุมและนำเสนอความเห็นที่เป็นประโยชน์ ซึ่งจากผลการประมวลงานด้านจริยธรรมที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีประสบการณ์โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนั้นขณะนี้ได้จัดทำร่างฯ เพื่อส่งให้องค์กรอิสระพิจารณาแล้วจำนวน 2 รูปแบบ คือฉบับสั้น และฉบับยาว ซึ่งได้นำเสนอในที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อวันที่ 8 และ 22 พฤศจิกายน โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ดังนี้
1.เห็นชอบให้ใช้ร่างฉบับยาว คือ ร่างมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ เนื่องจากมีเนื้อหาสาระที่กำหนดจริยธรรมลักษณะต่างๆ อย่างละเอียด ตลอดจนมีการแบ่งส่วนขององค์กรและการบังคับใช้ไว้อย่างชัดเจน ทั้งในส่วนของสาระบัญญัติและวิธีสบัญญัติ
2.กำชับให้ผู้เสนอร่างฯ คำนึงถึงบริบทและลักษณะเฉพาะของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ ด้วย เช่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี ว่าจะมีความเป็นไปได้ในการนำข้อบังคับทั้งหมดไปปฏิบัติได้จริงหรือไม่
3.ในส่วนของค่านิยมหลัก 9 ประการของมาตรฐานทางจริยธรรมนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเห็นว่า ควรมีการปรับเปลี่ยนในข้อที่ 8 จากเดิมว่า “การยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ปรับเป็น “การจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" และให้นำมากำหนดเป็นข้อที่ 1
จากข้อเสนอดังกล่าวนี้ ได้จัดทำร่างหนังสือขึ้นเพื่อแจ้งความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยผู้รับผิดชอบของศาลรัฐธรรมนูญได้มารับหนังสือร่างฯ ต้นฉบับจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินไปเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการประชุมของคณะทำงานอีกครั้งเพื่อเตรียมสรุปร่างฯ และดำเนินการนำเสนอร่างฯ ให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานองค์กรอิสระทั้งหมดพิจารณาอีกครั้ง หากเห็นชอบก็จะได้ร่างฯ ที่สามารถนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีเพื่อรับฟังความคิดเห็นในลำดับต่อไป
"การดำเนินงานส่วนของผู้ตรวจการแผ่นดินในการจัดทำร่างมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ดังกล่าว ได้เน้นการเสนอความเห็น การให้ข้อมูลจากการประมวลผลการดำเนินงานด้านจริยธรรมที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ทำมาแล้วกว่า 10 ปี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวางกรอบแนวคิดว่าค่านิยมหลักควรมีอะไรบ้าง จริยธรรมเรื่องใดที่พึงปฏิบัติ และไม่พึงปฏิบัติ หรือควรปรับเสริมเพิ่มเติมอย่างไร เพื่อให้การจัดทำมาตรฐานทางจริยธรรมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าการจัดทำมาตรฐานจริยธรรมดังกล่าวจะแล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดอย่างแน่นอน"พลเอกวิทวัสกล่าว