นายแพทย์ ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุขและคณะผู้แทนไทย กล่าวว่า ประเทศไทยประสบความสำเร็จสามารถสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพ ลดการล้มละลายของประชาชนจากค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังต้องมีการพัฒนาและแก้ไขปัญหาความท้าทายอย่างต่อเนื่องต่อไป ปัจจัยแห่งความสำเร็จสำคัญ คือ การสร้างความเข้มแข็งของระบบสุขภาพ ที่แต่ละประเทศเป็นเจ้าของ โดยพัฒนาภายใต้บริบทของประเทศและทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันพัฒนาตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงชุมชนท้องถิ่น
"หากพวกเราร่วมกันเดินไปบนเส้นทางนี้ โดยมีประเทศเป็นเจ้าของ มีนโยบายจริงจังในการสร้างระบบสุขภาพที่เข้มแข็งและยั่งยืนแล้ว ในปี 2573 พวกเราจะได้กลับมายืนในวันนี้ร่วมกันอีกครั้ง เพื่อฉลองความสำเร็จ เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังและจะไม่ปล่อยให้ใครต้องล้มละลายจากค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ “เพราะว่าเรายากจน เราจึงต้องมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าการประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป"นายแพทย์ ปิยะสกล กล่าว
อนึ่ง นายแพทย์ ปิยะสกล พร้อมคณะผู้แทนไทย ได้ร่วมงานพิธีฉลอง“วันประกันสุขภาพถ้วนหน้าสากล" จัดโดยองค์การอนามัยโลกโดย รมว.สาธารณสุข ได้รับเกียรติในการรับเชิญเป็น“แชมเปี้ยนการขับเคลื่อนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า"ประจำปี 2559 (UHC Day champion 2016) ร่วมกับผู้นำด้านสุขภาพของประเทศอื่นๆและองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ โดยจะทำงานร่วมกับเครือข่ายในระดับนานาชาติในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ของประเทศไทยกับประเทศต่างๆ เพื่อพัฒนาระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้สำเร็จและประชาชนทั่วโลกเข้าถึงบริการและมีสุขภาพดี
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีนโยบายเพื่อพัฒนาและขยายความครอบคลุมในการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 โดยเริ่มด้วยบัตรสุขภาพสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพียง 390 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หลังจากนั้นการประกันสุขภาพของประเทศไทยก็มีวิวัฒนาการเป็นลำดับ โดยพัฒนาควบคู่กับการให้ความสำคัญต่อการสร้างระบบสุขภาพที่เข้มแข็งยาวนานต่อเนื่องกว่า 3 ทศวรรษ จนถึงปีพ.ศ. 2545 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยบรรลุนโยบายการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างเป็นทางการ แม้ว่าในขณะนั้นประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจในขั้นวิกฤตก็ตาม