นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และนายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงข่ายคมนาคมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีการประชุมหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาโครงข่ายคมนาคมที่ได้รับความเสียหายและการจราจรบนถนนเพชรเกษม
โดยสำนักบริหารบำรุงทาง (ศูนย์บริหารงานอุบัติภัย) กรมทางหลวง ได้รายงานสรุปเหตุการณ์ภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินประจำวันที่ 11 มกราคม 2560 เวลา 14.00 น. ซึ่งมีสภาวะน้ำท่วมบนทางหลวงในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร จังหวัดตรัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวนทั้งสิ้น 15 สายทาง (จำนวนรวม 20 แห่ง การจราจรสามารถผ่านได้ 10 แห่ง ผ่านไม่ได้ 10 แห่ง) ดังนี้
1. จังหวัดชุมพร (ผ่านไม่ได้ 1 แห่ง) ทางหลวงหมายเลข 360 ทางเข้าเมืองชุมพร ในพื้นที่ อ.เมืองชุมพร ที่กม.8 ระดับน้ำสูง 30 ซม.
2. จังหวัดตรัง (ผ่านได้ 3 แห่ง ผ่านไม่ได้ 2 แห่ง) ผ่านไม่ได้คือ ทางหลวงหมายเลข 403 ตรัง – กันตัง (การจราจรผ่านไม่ได้) ในพื้นที่ อ.กันตัง ที่กม.130 – กม.134 ระดับน้ำสูง 60 ซม. ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 4261 ตอน ป่าเดียว – ทุ่งค่าย แทน และ ทางหลวงหมายเลข 419 ถนนวงแหวนรอบเมืองตรัง (การจราจรผ่านไม่ได้) ในพื้นที่ อ.เมืองตรัง ที่กม.2 – กม.5ระดับน้ำสูง 60 ซม. เส้นทางเลี่ยงปิดการจราจรให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 403 และ 4046 แทน
ส่วนที่ผ่านได้ คือ ทางหลวงหมายเลข 4046 ตรัง – สิเกา (การจราจรผ่านได้) ในพื้นที่ อ.เมืองตรัง ที่กม.5 ระดับน้ำสูง 10 ซม., ทางหลวงหมายเลข 4236 ถนนแพรก – ลำนาว (การจราจรผ่านได้) ในพื้นที่ อ.ห้วยยอด ที่กม.11 ระดับน้ำสูง 25 ซม.และ ทางหลวงหมายเลข 4347 ตลาดฉุ้น – บ้านซา (การจราจรผ่านได้) ในพื้นที่ อ.ห้วยยอด ที่กม.1 – กม.2 ระดับน้ำสูง 10 ซม.
3. จังหวัดนครศรีธรรมราช (ผ่านได้ 3 แห่ง ผ่านไม่ได้ 2 แห่ง) ที่ผ่านได้ คือ ทางหลวงหมายเลข 4013 นครศรีธรรมราช – ปากพนัง (การจราจรผ่านได้) ในพื้นที่ อ.ปากพนัง ที่กม.22 – กม.26 ระดับน้ำสูง 10 ซม., ทางหลวงหมายเลข 4094 เชียรใหญ่ – ปากพนัง (การจราจรผ่านได้) ในพื้นที่ อ.ปากพนัง ที่กม.28 ระดับน้ำสูง 15 ซม. และ ทางหลวงหมายเลข 4151 บ่อล้อ – กุมแป (การจราจรผ่านได้) ในพื้นที่ อ.เชียรใหญ่ ที่กม.8 – กม.9 ระดับน้ำสูง 10 ซม.
ส่วนที่ผ่านไม่ได้คือ ทางหลวงหมายเลข 4151 บ่อล้อ – กุมแป (การจราจรผ่านไม่ได้) ในพื้นที่ อ.เชียรใหญ่ ที่กม.2 – กม.3 ระดับน้ำสูง 30 ซม. และ ทางหลวงหมายเลข 4151 บ่อล้อ – กุมแป (การจราจรผ่านไม่ได้) ในพื้นที่ อ.เชียรใหญ่ ที่กม.4 – กม.8 ระดับน้ำสูง 30 ซม.
4. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ผ่านไม่ได้ 4 แห่ง) คือ ทางหลวงหมายเลข 3374 บางสะพาน – หนองหัดไท ในพื้นที่ อ.บางสะพาน ที่กม.0 – กม.1 ระดับน้ำสูง 60 ซม., ทางหลวงหมายเลข 3374 บางสะพาน – หนองหัดไท ในพื้นที่ อ.บางสะพาน ที่กม.2 – กม.3 ระดับน้ำสูง 60 ซม., ทางหลวงหมายเลข 3459 สามแยกบ้านกรูด – ปากคลองบ้านกรูด ในพื้นที่ อ.บางสะพาน ที่กม.9 – กม.11 โครงสร้างทางชำรุดเสียหายไม่มีเส้นทางเลี่ยง, ทางหลวงหมายเลข 3497 ช้างแรก – บางสะพานน้อย ในพื้นที่ อ.บางสะพานน้อย ที่กม.8 ระดับน้ำสูง 60 ซม. ไม่มีเส้นทางเลี่ยง
5. จังหวัดพัทลุง (ผ่านได้ 2 แห่ง) คือ ทางหลวงหมายเลข 4047 ลำปำ – พัทลุง ในพื้นที่ อ.เมืองพัทลุง ที่กม.0 ระดับน้ำสูง 10 ซม.และ ทางหลวงหมายเลข 4047 ลำปำ – พัทลุง ในพื้นที่ อ.เมืองพัทลุง ที่กม.2 – กม.3 ระดับน้ำสูง 10 ซม.
6. จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ผ่านได้ 2 แห่ง ผ่านไม่ได้ 1 แห่ง) คือ ทางหลวงหมายเลข 4009 เวียงสระ – บางสวรรค์ (การจราจรผ่านได้) ในพื้นที่ อ.เวียงสระ ที่กม.74 – กม.75 ระดับน้ำสูง 10 ซม., ทางหลวงหมายเลข 4009 เวียงสระ – บางสวรรค์ (การจราจรผ่านได้) ในพื้นที่ อ.เวียงสระ ที่กม.76 ระดับน้ำสูง 25 ซม. ไม่มีเส้นทางทดแทน
ส่วนที่ผ่านไม่ได้ คือ ทางหลวงหมายเลข 4110 บางรูป – พระแสง (การจราจรผ่านไม่ได้) ในพื้นที่ อ.พระแสง ที่กม.86 – กม.88 ระดับน้ำสูง 90 ซม. ไม่มีเส้นทางทดแทน
ปัจจุบันยังคงเกิดฝนตกในบางพื้นที่ของภาคใต้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่ม ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานของกรมทางหลวงประกอบด้วยสำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง และหมวดทางหลวงในพื้นที่ จึงได้เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งเข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นตามการร้องขอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย