นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยในเดือนธ.ค.59 มีค่าเท่ากับ 55 เพิ่มขึ้นจากมิ.ย.59 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 53 ถือว่าสถานการณ์คอร์รัปชั่นปรับตัวดีที่สุดในการสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่เคยสำรวจมาในรอบ 6 ปี
ส่วนดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยในปัจจุบัน มีค่าเท่ากับ 52 เพิ่มขึ้นจากมิ.ย.59 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 51 และดัชนีแนวโน้มสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยมีค่าเท่ากับ 57 เพิ่มขึ้นจากมิ.ย.59 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 56
"ในรอบ 6 ปี สถานการณ์คอร์รัปชั่นดีที่สุดของการสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งมาจากมิติที่สำคัญจากกลุ่มตัวอย่าง ข้าราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชน บอกว่าความรุนแรงของปัญหา ณ ตอนนี้มีสัญญาณลดลง และแนวโน้มในอนาคตลดลงมากที่สุดในรอบ 6 ปี" นายธนวรรธน์ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อแยกดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่น 4 หมวด จะพบว่าดัชนีปัญหาและความรุนแรงของการคอร์รัปชั่นเดือนธ.ค.59 มีค่าเท่ากับ 49 เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเดือนมิ.ย.59 มีค่าเท่ากับ 48 ดัชนีการป้องกันการคอร์รัปชั่นมีค่าเท่ากับ 55 เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเดือนมิ.ย.59 มีค่าเท่ากับ 53 ดัชนีการปราบปรามการคอร์รัปชันเดือนธ.ค.59 มีค่าเท่ากับ 57 เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเดือนมิ.ย.59 มีค่าเท่ากับ 55 และดัชนีการสร้างจริยธรรมและจิตสำนึกมีค่าเท่ากับ 58 เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเดือนมิ.ย.59 มีค่าเท่ากับ 57
อนึ่ง ดัชนีมีค่าเข้าใกล้ 100 แสดงว่าสถานการณ์คอร์รัปชั่นมีปัญหาลดน้อยลงหรือสถานการณ์ดีขึ้น และดัชนียิ่งเข้าใกล้ 0 แสดงว่า สถานการณ์คอร์รัปชั่นมีปัญหามากขึ้นหรือสถานการณ์แย่ลง
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ภาพรวมความรุนแรงของปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาลดลง 48% รวมถึงทัศนคติต่อการปฏิเสธการคอร์รัปชั่น และเห็นว่าปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข ถือว่าดีที่สุดในรอบ 2 ปี
ขณะเดียวกันจากผลการสำรวจธ.ค.59 พบว่า เงินเพิ่มพิเศษของรายรับที่ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับภาครัฐ จะต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษแก่ข้าราชการ หรือนักการเมืองที่ทุจริตเพื่อให้ได้สัญญาเกือบ 90% จ่ายต่ำกว่า 15% ซึ่งถือว่าดูดีที่สุดในรอบ 6 ปี และเป็นการสูญเสียงบประมาณต่ำที่สุดเมื่อเทียบสัดส่วนต่อจีดีพี อยู่ที่ประมาณ 0.4-1% ซึ่งทุก 1% ที่รัฐบาลประหยัดการจ่ายเงินใต้โต๊ะได้ มีส่วนช่วนในการประหยัดงบประมาณได้ 10,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง และสถานการณ์คอร์รัปชั่นดีขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังปี 57
อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณที่ต้องระวัง เนื่องจากดัชนีสถานการณ์ความรุนแรงของการคอร์รัปชั่นรุนแรงขึ้นในปี 59 ประเมินจากประสบการณ์ของผู้ที่จ่ายใต้โต๊ะ จะมีการจ่ายมากขึ้นกว่าปี 58 ซึ่งตรงกับกับช่วงที่รัฐบาลมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป
ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ทำการสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย จาก 2,400 ตัวอย่าง จากกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มคือ ประชาชน ข้าราชการ และนักธุรกิจ
นายธนวรรธน์ ยังกล่าวถึงกรณีบริษัท โรลส์-รอยซ์ ยอมรับว่าจ่ายสินบนให้ บมจ.การบินไทย (THAI) จัดซื้อเครื่องยนต์ของบริษัทว่า มีผลกระทบต่อภาพลักษ์ณ์ของประเทศไทย เพราะมีการกล่าวอ้างถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐของไทยที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่นกับบริษัทต่างชาติ ซึ่งภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการบินไทยจะละเลยไม่ได้ ต้องเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งต้องมีมาตรการลงโทษผู้กระทำผิด และวางแนวทางแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากรณีดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อคะแนนและการจัดอันดับของไทยที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (CPI) จะประกาศผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นประจำปี 59 ช่วงปลายเดือนม.ค.นี้แน่นอน เพราะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 34-48 ถือว่าจบไปแล้ว แต่ไม่แน่ชัดว่าปัจจุบันยังมีเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่