พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมออกคำสั่งตามมาตรา 44 ให้มีคณะกรรมการเพื่อมากำกับดูแล โครงการที่มีมูลค่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริตและให้มีการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างที่กรมบัญชีกลางกำลังออกกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับ e-Bidding หรือวิธีประกวดราคาอิเล็คทรอนิกส์ และการกำหนดราคากลาง โดยจะมีการเชิญบุคคลภายนอกเข้าร่วมในคณะกรรมการชุดนี้ และคณะกรรมการชุดนี้จะเข้าไปตรวจสอบการดำเนินโครงการของกระทรวงต่างๆที่ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้วว่ามีความเหมาะสมและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลต้องการเอาจริงเอาจังและปิดช่องทางไม่ให้เกิดการทุจริต
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ครั้งที่ 1/2560 ว่า ที่ประชุมได้เน้นย้ำเรื่องการสร้างความเข้าใจให้ประชาชนเห็นว่าการที่ประเทศต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจะเกิดประโยชน์อะไรขึ้นบ้าง ซึ่งสิ่งสำคัญ จะทำให้เกิดความไว้วางใจต่อการค้าการลงทุน เพื่อแสดงให้เห็นว่าไทยมีความพร้อมทั้งในเรื่องการอำนวยความสะดวก เรื่องทรัพยากรมนุษย์ แรงงาน และกฏระเบียบต่างๆ และก็เพื่อรองรับการประเมินจากหน่วยของต่างชาติด้วย
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า แม้รัฐบาลจะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่จะบริหารงานให้ดีที่สุดและดีกว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้ ทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจ การปรับโครงสร้างและการปฏิรูป ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลนี้แก้ปัญหาได้มากที่สุด แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องมีการปรับปรุงการสื่อสารทำความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้นในการทำให้ประชาชนเห็นถึงภาพรวมว่ารัฐบาลกำลังเดินหน้าในการเพิ่มการค้าการลงทุนในประเทศ และไม่ได้ทำเพื่อคนรวย หรือเอื้อประโยชน์ให้ใคร แต่คำนึงถึงประชาชนในระดับล่าง เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งของประชาชนทุกระดับ
โดยล่าสุดคณะรัฐมนตรี มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลทำมาก่อน ส่วนจะสามารถแก้ไขปัญหาได้มากน้อยเพียงใด ก็ต้องติดตามการดำเนินงาน
ความเข้มแข็งของประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ความเข้มแข็งและการพัฒนาขีดความสามารถของประชาชนสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนไปด้วยกัน เพื่อให้เกิดไทยแลนด์4.0 ซึ่งอยากให้ทุกคนต้องพัฒนาตนเองด้วย