พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีบวงสรวงการก่อสร้างและยกเสาเอกพระเมรุมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ข้าราชการกรมศิลปกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี ที่บริเวณสนามหลวงด้านทิศใต้
พร้อมทั้งทำพิธีสรงน้ำปิดทอง และผูกผ้าแพร 3 สีที่เสาเอกพระเมรุมาศ ถือสายสูตรยกเสาเอกพระเมรุมาศ คณะนาฏศิลป์ รำบวงสรวงจำนวน 9 คู่ ถวายภัตตาหาร พร้อมเครื่องไทยธรรม และจตุปัจจัยแด่พระสงฆ์จำนวน 10 รูป พระสงฆ์อนุโมทนา กรวดน้ำถวายเป็นพระราชกุศลเป็นอันเสร็จพิธี
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้เยี่ยมชมแบบแผนพระเมรุมาศ และพระที่นั่งทรงธรรม พร้อมตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรและอาสาสมัคร ภายในอาคารโรงขยายแบบ อาคารปั้นหล่อประติมากรรม อาคารเขียนสีและตกแต่งองค์ประกอบและอาคารจะสร้างพระโกศจันทร์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
ทั้งนี้ กำหนดฤกษ์พิธีบวงสรวงการก่อสร้างและยกเสาเอกพระเมรุมาศฯ เป็นมหัทธโนฤกษ์ หมายถึงฤกษ์ใหญ่ ใช้ประกอบการมงคลทุกอย่าง สร้างบ้านใหม่ ประกอบธุรกิจ มีความเจริญรุ่งเรือง เงินทองและฐานะสมบัติมั่งคั่ง พิธียกเสาเอกพระเมรุมาศขึ้นตั้งนี้ เป็นพิธีที่ปฏิบัติสืบทอดตามวัตถุประสงค์เดิม คือ การประกอบพิธีมงคลในพระพุทธศาสนาและพิธีพราหมณ์ เพื่อการบวงสรวงบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพยาดาอารักษ์ในบริเวณท้องสนามหลวง เพื่อบอกกล่าวขออนุญาตปลูกสร้างพระเมรุมาศและเพื่อความเป็นสวัสดิมงคลความสำเร็จลุล่วงของงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ภายหลังการตรวจโรงออกแบบ การก่อสร้างพระเมรุมาศ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การก่อสร้างครั้งนี้ได้แสดงถึงขีดความสามารถของผู้ประกอบการคนไทยที่ออกแบบและใช้วัสดุภายในประเทศ เพื่อให้ชาวโลกได้เห็นว่าประเทศไทยมีสิ่งที่ดีงาม และมีประเพณีที่ต้องร่วมกันอนุรักษ์และควรภาคภูมิใจ ถือว่าทุกคนได้ทำงานถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
พร้อมทั้งได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานได้เป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้ ทำให้รู้สึกสบายใจ เพราะมีความก้าวหน้าตามที่ได้วางแผนไว้ที่ใช้เวลาดำเนินการภายในเวลา 1 ปี โดยจะก่อสร้างเสร็จสิ้นประมาณเดือนกันยายนหรือเดือนตุลาคมนี้ เช่นเดียวกับรัฐบาลที่ได้ทำงานตามโรดแมพ แต่หากมีสิ่งใดมาขัดขวางไม่สำเร็จก็ต้องอาจจะขยับและไม่สำเร็จได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี อยากให้ทุกคนมีสติ นึกถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศ เช่นเดียวกับรัฐบาลที่ขณะนี้แก้ปัญหาในทุกวัน โดยสิ่งไหนที่ไม่สร้างสรรค์หรือเกิดความขัดแย้งก็อย่าไปให้ความสำคัญ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้สามารถปฏิบัติงานได้