พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ดังนี้
1. กำหนดให้สถานพยาบาลมีหน้าที่ให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต เพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพ และขีดความสามารถของสถานพยาบาล โดยไม่มีเงื่อนไขการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล และกำหนดให้สถานพยาบาลมีหน้าที่แจ้งต่อ กองทุนของผู้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาล ตามกฎหมาย หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบโดยเร็ว
2. กำหนดให้ศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต(สพฉ.) เป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการ วินิจฉัยในการคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
3. กำหนดให้สถานพยาบาลมีหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต จนพ้นภาวะวิกฤตรวมถึงการจัดให้มีระบบการส่งต่อผู้ป่วย ฉุกเฉินวิกฤตไปยังสถานพยาบาลอื่น ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องส่งต่อ หรือผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหรือญาติมีความประสงค์
4. กำหนดอัตราค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานับตั้งแต่รับผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตจนถึงเวลา 72 ชั่วโมง ซึ่งสถานพยาบาล จะได้รับให้เป็นไปตามบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้าย ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังเวลา 72 ชั่วโมง นับตั้งแต่รับผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตให้ สถานพยาบาลเรียกเก็บไปที่กองทุนของผู้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลตามกฎหมายหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
5. กำหนดให้ สปสช. มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องและสรุปค่าใช้จ่ายพร้อมทั้งแจ้งให้กองทุนของผู้มีสิทธิได้รับการรักษา พยาบาลตามกฎหมายหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับเอกสารครบถ้วน และให้กองทุนของผู้มีสิทธิได้รับ การรักษาพยาบาลตามกฎหมายหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จ่ายค่าใช้จ่ายตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีแนบท้ายให้แก่สถานพยาบาลภาย ใน 15 วัน นับจากวันที่ สปสช. แจ้งผลการตรวจสอบและสรุปค่าใช้จ่าย
6. กำหนดหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายที่สถานพยาบาลจะได้รับ ในกรณีที่มีการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตจากสถานพยาบาลแห่งหนึ่ง ไปยังสถานพยาบาลแห่งที่สอง ภายในเวลาก่อนครบ 72 ชั่วโมง นับแต่ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลแห่งที่หนึ่ง
7. กำหนดให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น ในกรณีที่ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต สามารถย้ายสถานพยาบาลได้แต่ปฏิเสธไม่ขอย้าย
8. ในกรณีมีความจำเป็น ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานพยาบาล ดำเนินการทบทวนปรับปรุงบัญชีและอัตราตามบัญชีแนบท้ายหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขนี้ ภายในสามปีหรือตามที่คณะกรรมการสถาน พยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลเห็นสมควร เพื่อให้มีความเหมาะสมโดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ผู้ป่วยฉุกเฉินจะได้รับเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ บัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้ายหลักเกณฑ์ แบ่งออกเป็น 12 หมวดสรุปสาระสำคัญดังนี้
หมวด รายการ รายละเอียด/ตัวอย่าง 1 ค่าห้องและค่าอาหาร เช่น ค่าเตียงสามัญ เบิกได้ไม่เกิน 100 บาท ค่าหอผู้ป่วยวิกฤต 2 ค่าอวัยวะเทียมและ อุปกรณ์บำบัดโรค เช่น เยื่อหุ้มสมองเทียม แผ่นละ 9,000 บาท ลิ้นหัวใจเทียมชนิดลูกบอล อันละ 29,000 บาท ชุดสายยางและปอดเทียมชุดละ 80,000 บาท 3 ค่ายาและสารอาหารทางเส้นเลือด กำหนดเป็นราคาแยกรายตัวยา ซึ่งเป็นราคาเฉลี่ยที่อ้างอิงข้อมูลจากศูนย์ ข้อมูลข่าวสารด้านเวชภัณฑ์สธ. และราคายาของกรมบัญชีกลาง 4 ค่าเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา 5 ค่าบริการโลหิตและส่วนประกอบของโลหิต หมายถึง ค่าจัดการบริการให้โลหิตหรือส่วนประกอบของโลหิต โดยรวมค่า อุปกรณ์ บรรจุน้ำยาที่ใช้การเตรียมการตรวจทางเทคนิค 6 ค่าตรวจวินิจฉัยทางเทคนิคการแพทย์ เช่น ค่าตรวจน้ำตาลในเลือด ค่าตรวจปัสสวะ โดยรวมค่าน้ำยาและ วัสดุสิ้นเปลือง ค่าอุปกรณ์ 7 ค่าตรวจวินิจฉัยและรักษาทางรังสีวิทยา เช่น ภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์ แผ่นละ 300 บาท อัลตราซาวด์ครั้งละ 1,150 บาท MRI สมอง ครั้งละ 8,000 บาท 8 ค่าตรวจวินิจฉัยโดยวิธีพิเศษอื่น ๆ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้านแบบสามมิติ ครั้งละ 3,600 บาท 9 ค่าทำหัตถการ เช่น ห้องผ่าตัดใหญ่ ชั่วโมงละ 2,400 บาท 10 ค่าบริการวิสัญญี หมายถึง ค่าบริการระงับความรู้สึกเจ็บปวดของคนไข้ก่อนผ่าตัด 11 ค่าบริการวิชาชีพ เช่น ค่าบริการทางการแพทย์ ค่าบริการเภสัชกร ค่าบริการพยาบาล 12 ค่าบริการอื่น ๆ ได้แก่ ค่าบริการรถฉุกเฉิน ครั้งละ 700 บาท ค่าน้ำมันรถ 4 บาท/กม.