นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า จากผลการปฏิบัติการฝนหลวงวันที่ 1 เมษายน 2560 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่ขอรับบริการฝนหลวงจากทางภาคเหนือ โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง บริเวณพื้นที่อำเภอแม่เมาะ และเมืองปาน จังหวัดลำปาง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตรให้ความสำคัญในการเติมน้ำต้นทุน รวมถึงเขื่อนอื่นๆ ที่มีความสำคัญ ต่อพื้นที่ทางภาคเหนือ เพื่อเป็นต้นทุนสำหรับการใช้น้ำในการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร
และสำหรับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลก พบว่า มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง บริเวณพื้นที่อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ อำเภอแม่ระมาดและท่าสองยาง จังหวัดตาก อำเภออมก๋อยและดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน และอำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง รวมถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งเป็นเขื่อนเก็บกักน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ภาคกลาง กรมฝนหลวงฯ จึงให้ความสำคัญและเร่งปฏิบัติการเติมน้ำในเขื่อนดังกล่าว ให้มีความสมดุล ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ของพื้นที่ป่าต้นน้ำของเขื่อน และสามารถช่วยเหลือการผลักดันน้ำเค็มได้ โดยทางกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้มีการประสานการทำงานร่วมกับกรมชลประทาน ภายใต้โครงการ R2 Project เพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ มาอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของภาพรวมการปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่เริ่มตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง เมื่อวันที่ 3 มีนาคม – 1 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา มีการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 27 วัน ขึ้นปฏิบัติงานจำนวน 454 เที่ยวบิน (678:30 ชั่วโมงบิน) ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 374.30 ตัน พลุซิลเวอร์ไอโอไดด์ จำนวน 483 นัด มีจังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 45 จังหวัด ซึ่งทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างสะสมรวม 74.62 ล้าน ลบ.ม.
อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขอรณรงค์ให้ประชาชนและเกษตรกรใช้น้ำ อย่างประหยัดในช่วงฤดูแล้งนี้ต่อไป และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่องได้ที่เพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร หรือ เว็บไซต์กรมฝนหลวงและการบินเกษตร