พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิช โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมฯ ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานใน 16 เรื่อง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหา จัดระเบียบ และลดความเหลื่อมล้ำ
ในส่วนของการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย (IUU) มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดทำอนุบัญญัติแล้ว 90 ฉบับ เหลืออีก 1 ฉบับ เพื่อยื่นต่อหน่วยงานที่ตรวจสอบ ขณะเดียวกันเตรียมยื่นขอเข้าเป็นสมาชิก UN Fish Stocks Agreement (UNFSA) และ South Indian Ocean Fisheries Agreement (SIOFA) ทั้งนี้จากการประเมินของสหภาพยุโรป (EU) ช่วงวันที่ 17-24 มี.ค.60 สรุปว่า ไทยจะต้องมีการแก้ไขในประเด็นกฎหมาย การจัดระเบียบการบังคับใช้กฎหมายและดูแลด้านแรงงาน โดย EU มีความพอใจในความมุ่งมั่นและแก้ปัญหาของไทย พร้อมทั้งให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับการทำประมงด้วยโพงพางว่าเป็นการทำลายสมดุลทรัพยากรทางน้ำ ไม่ถูกต้องตามหลักประมงชายฝั่ง และกีดขวางการสัญจรทางน้ำ
ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ได้รับทราบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน (ICAO) โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตการเดินอากาศของสายการบิน ซึ่งขณะนี้สายการบินที่ได้รับใบอนุญาตแล้ว คือสายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส และที่เหลืออยู่ระหว่างเข้ารับการตรวจสอบ ซึ่งคาดว่าภายในเดือนพฤษภาคม จะได้รับใบรับรองการเดินอากาศครบทุกสายการบิน
นอกจากนี้ได้เตรียมความพร้อมทางด้านเอกสาร รวมถึงปรับปรุงกฎระเบียบตามที่ ICAO ระบุ เพื่อยื่นขอรับการตรวจสอบเฉพาะเรื่อง (ICVM) ขณะเดียวกันในเดือนกรกฎาคม ทาง ICAO จะเข้ามาตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ซึ่งขณะนี้ทั้งสองสนามบินได้ดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานด้านความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางองค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐฯ (FAA) พร้อมเข้ามาประเมินมาตรฐานการบินในประเทศไทย แต่ไทยต้องรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ดังนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการของบประมาณสนับสนุนจากกระทรวงคมนาคม ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กำชับว่าจะต้องดำเนินการในทุกด้านให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อปลดธงแดงให้ได้
พ.อ.วันชนะ สวัสดี ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ที่ประชุมฯ ได้รับทราบความคืบหน้าเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากร การจัดการภัยพิบัติและโลกร้อน โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำที่ขณะนี้ดำเนินการร่าง พ.ร.บ.น้ำ และร่างระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยเน้นการบริหารแหล่งน้ำ ชุมชน และผู้ใช้น้ำ โดยในส่วนของร่าง พ.ร.บ.น้ำ ทาง สนช.รับหลักการในวาระแรกแล้ว อยู่ระหว่างการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณา ซึ่งภายใน 60 วันคาดว่าจะแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ จากการรับฟังปัญหาของคณะอนุกรรมการสร้างความสามัคคีปรองดอง พบว่าปัญหาเรื่องน้ำเป็นปัญหาด้านความมั่นคง ดังนั้นหากมีผลกระทบต่อประชาชน การพิจารณาแก้ปัญหาต้องทำอย่างรอบคอบ และเป็นไปตามร่าง พ.ร.บ.น้ำ พร้อมนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้เตรียมจัดระเบียบที่พักให้แรงงานต่างด้าว เพื่อลดปัญหาด้านความเป็นอยู่ ปัญหาอาชญากรรม และสาธารณสุข โดยจะมีการจัดระเบียบชุมชนที่อยู่เดิม และจัดพื้นที่ใหม่ให้อยู่อาศัย โดยกระทรวงมหาดไทยเร่งนำร่องในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดระนอง โดยทุกภาคส่วนต้องบูรณาการร่วมกัน
ร.ต.หญิง พรชนก อ่ำพัน ทีมโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ยังรายงานความคืบหน้าการจัดระเบียบรถตู้สาธารณะ ที่ล่าสุดได้สั่งการให้จัดจุดบริการและจุดจอดรถตู้ชั่วคราวทั่วประเทศ โดยดำเนินการไปแล้ว 29 จังหวัด 141 เส้นทาง 124 จุด ซึ่งจะต้องได้มาตรฐานเทียบเท่าสถานีรถโดยสารสาธารณะ มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน และไม่กีดขวางการจราจร ขณะเดียวกันรถตู้ได้ปรับปรุงให้เหลือ 13 ที่นั่งไปแล้วร้อยละ 80 ที่สำคัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา พบว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากรถตู้สาธารณะลดลง โดยจุดจอดรถตู้ที่เป็นมาตรฐานจะนำร่องใน 3 จังหวัด คือ พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี และประจวบคีรีขันธ์