นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการฝนหลวงเติมน้ำลงเขื่อนทางภาคเหนือและภาคตะวันออก เนื่องจากมีปริมาณน้ำใช้การอยู่ในระดับที่น้อย พร้อมทั้งช่วยเหลือพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ที่อาจได้รับผลกระทบเรื่องการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากมีฝนตกกระจายไม่ทั่วถึงในบางพื้นที่ โดยได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือในพื้นที่การเกษตรจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนแม่กวงอุดมธารา พบว่า มีฝนตกเล็กน้อยบริเวณพื้นที่อำเภอเชียงดาว พร้าว แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเวียงเป้า จังหวัดเชียงราย และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนแม่กวงอุดมธารา รวมถึงพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ในอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย
ส่วนในภาคตะวันออก สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก จังหวัดสระแก้ว ปฏิบัติการในพื้นที่อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา และอำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง พบว่า มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง บริเวณพื้นที่อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี อำเภอวังจันทร์ เขาะเมา จังหวัดระยอง อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี รวมถึงพื้นที่ลุ่มรับน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์และอ่างเก็บน้ำคลองสียัด
สำหรับในภาพรวมของการปฏิบัติการฝนหลวงในภูมิภาคต่างๆ ตั้งแต่เริ่มตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง เมื่อวันที่ 3 มีนาคม – 13 พฤษภาคม 2560 มีการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 69 วัน ขึ้นปฏิบัติงานจำนวน 1,352 เที่ยวบิน (1912:15 ชั่วโมงบิน) ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 1172.63 ตัน พลุซิลเวอร์ไอโอไดด์สำหรับภารกิจปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 425 นัด มีจังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 55 จังหวัด และทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างสะสมรวม 245.67 ล้าน ลบ.ม.
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนในพื้นที่ใช้น้ำอย่างประหยัด และสามารถแจ้งการขอรับบริการฝนหลวงเข้ามาได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงตามภูมิภาคต่างๆ พร้อมติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ เพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร หรือเว็บไซต์กรมฝนหลวงและการบินเกษตร