กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ออกหมายเรียกนายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการบริหาร บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) มารับทราบข้อกล่าวหาความผิดฐานสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก DSI ได้สอบสวนดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตภายในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ความเสียหายรวมประมาณ 13,000 ล้านบาท เป็นคดีพิเศษ และนำไปสู่การสอบสวนขยายผลถึงขบวนการฉ้อโกงประชาชน รับของโจร และความผิดฐานฟอกเงินที่ได้จากการกระทำความผิดในเรื่องนี้
โดยการสอบสวนดำเนินคดีอาญาในคดีพิเศษที่ 99/2558 กรณีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กับพวก ได้ร่วมกันดำเนินการนำเงินของสหกรณ์ฯ ที่ได้มาจากการฉ้อโกงประชาชนออกจากสหกรณ์ โดยวิธีการที่ผิดระเบียบ ข้อบังคับ และวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ฯ ด้วยการสั่งจ่ายเป็เช็คของสหกรณ์ฯ จำนวนหลายฉบับ อันมีพยานหลักฐานเพียงพอดำเนินคดีในความผิดฐานสมคบกันและร่วมกันฟอกเงินตามมาตรา 5 และมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และสรุปสำนวนการสอบสวน พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องนายศุภชัยกับพวกในความผิดตามกฎหมายดังกล่าวต่อพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษแล้ว
การสอบสวนคดีดังกล่าวยังพบว่า นายศุภชัยได้สั่งจ่ายเช็คจำนวนหลายฉบับจำนวนรวมประมาณ 275 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อหุ้นทั้งหมด (TAKE OVER) ของบริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด และเป็นส่วนหนึ่งของค่าซื้อทรัพย์สินที่เป็นที่ดินของบริษัทจำนวน 3 แปลง โดยในจำนวนดังกล่าวมีที่ดินตามโฉนดเลขที่ 31344 เนื้อที่ 46 ไร่ 3 งาน 56.2 ตารางว่า ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี บริเวณใกล้เคียงกับวัดธรรมกาย โดยซื้อในนามสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และนายศุภชัยได้ส่งคนของตนเองเข้าไปเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าว และมีหนังสือกำหนดให้การบริหารจัดการบริษัทฯ อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ซึ่งนายศุภชัยควบคุมดูแล
ต่อมาวันที่ 21 ธ.ค.54 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้นำที่ดินของบริษัทฯ ไปขายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ โดยที่ดินโฉนดเลขาที่ 31344 มีมติขายให้นายอนันต์ อัศวโภคิน ซึ่งได้ทำสัญญาซื้อขาย ณ สำนักงานที่ดินอำเภอคลองหลวง เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.54 หลังจากที่คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเพียง 2 วัน ในราคาไร่ละ 2 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 93.781 ล้านบาท ซึ่งราคาประเมินที่ดินขณะนั้นราคาตารางวาละ 1.5 หมื่นบาท คิดเป็นราคาที่ดินประมาณ 281 ล้านบาท มีความแตกต่างและต่ำกว่าราคาประเมินถึง 3 เท่า อันทำให้บริษัทได้รับความเสียหายและไม่ปรากฎหลักฐานการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้บริษัทฯ
ต่อมานายอนันต์ได้ขายที่ดินแปลงนี้ต่อให้กับบุคคลอื่นในราคา 492 ล้านบาทเศษ โดยนายอนันต์ได้นำเงินที่ได้จากการขายจำนวนประมาณ 303 ล้านบาท บริจาคให้กับมูลนิธิคุณยายจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งมีพระธัมมชโยเป็นองค์อุปถัมภ์ ซึ่งมูลนิธิดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ในบริเวณมูลนิธิวัดธรรมการ รวมถึงอาคารบุญรักษาด้วย
นอกจากนั้น คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังพบหลักฐานสำคัญว่านายศุภชัยได้ทำหนังสือฉบับลงวันที่ 23 ธ.ค.54 อันเป็นวันเดียวกันกับวันที่ไปทำสัญญาซื้อขายที่ดินฯ แสดงเจตนาถวายที่ดินโฉนดเลขที่ 31344 ของบริษัทฯ ให้กับพระธัมมชโย โดยนายศุภชัยจะเป็นผู้จัดซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวและถวายให้พระธัมมชโยโดยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนามนายอนันต์ ซึ่งพระธัมมชโยมอบหมายให้เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน โดยมีแต่ลายมือชื่อของผู้อื่นในเอกสาร แต่นายศุภชัยไม่ได้ลงชื่อ และไม่มีการดำเนินการตามหนังสือฉบับดังกล่าว โดยเป็นการดำเนินการผ่านการขายให้นายอนันต์แทน
"คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่ามีพยานหลักฐานตามสมควรว่าอาจเป็นความผิดฐานสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน ตามมาตรา 5 มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 จึงแยกการสอบสวนเป็นอีกคดีหนึ่งตามคดีพิเศษที่ 10/2560 และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการได้มีมติร่วมกันให้เรียกตัวนายอนันต์ อัศวโภคิน มารับทราบข้อกล่าวหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป" เอกสารเผยแพร่ ระบุ