พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัฐชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมประเมินสถานการณ์และติดตามผลการปฏิบัติงานประจำสัปดาห์ว่า จากสภาวะอากาศที่แปรปรวนอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอาจไม่เป็นไปตามฤดูกาล จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนได้สร้างความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ภัยพิบัติต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องการช่วยเหลืออุทกภัย ให้นำข้อได้เปรียบจากผลการทำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่องมาใช้ในการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ
ที่เห็นชัดเจนได้แก่ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยมีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบไว้แล้ว และจากการลงพื้นที่สม่ำเสมอทำให้ทราบปัญหา รู้จุดเสี่ยง และจุดที่จะเกิดน้ำท่วมซ้ำซากของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งความสัมพันธ์และการทำงานเป็นทีมร่วมกับส่วนราชการต่างๆ จะเป็นปัจจัยเสริมที่จะทำให้การบูรณาการความช่วยเหลือทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาวบรรลุผลได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับในพื้นที่ต่างจังหวัดกำชับให้ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาค บูรณาการและวางแผนระยะยาวในการแก้ปัญหาภัยพิบัติ ให้มีความเชื่อมโยงกันในทุกพื้นที่ ส่วนในพื้นที่ กทม.กำชับให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 1 และ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ช่วยแก้ไขปัญหาอุทกภัยและช่วยเหลือประชาชนในลักษณะเสริมการทำงานของ กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกระทรวงมหาดไทย เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนและยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของหน่วยงานภาครัฐที่ทุ่มเทและร่วมกันเข้าแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ด้วย
ส่วนการดูแลความสงบเรียบร้อยในภาพรวมนั้น พลเอกเฉลิมชัย ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลพื้นที่ ป้องกันมิให้มีการสร้างความปั่นป่วนและสร้างความวุ่นวายในพื้นที่ กำชับให้ทุกส่วนงานดำเนินการเชิงรุกในลักษณะป้องกัน ให้ความสำคัญกับงานด้านการข่าว การเข้มงวดในมาตรการเฝ้าระวังและดูแลพื้นที่ การจัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานทั้งในและนอกเครื่องแบบ การเสริมศักยภาพงานระวังป้องกันด้วยการใช้ระบบกล้องวงจรปิดที่มีประสิทธิภาพในการคลี่คลายสถานการณ์หรือป้องปรามการก่อเหตุอันไม่พึงประสงค์ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งรัดซ่อมและติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่สำคัญต่างๆ รวมทั้งการให้ความรู้กับประชาชนและภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลความปลอดภัยสถานที่ เสริมการทำงานของภาครัฐให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น