นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศในปัจจุบันมีฝนตกค่อนข้างกระจายตัวดีและบางพื้นที่มีฝนตกหนัก ทำให้สถานการณ์น้ำในพื้นที่การเกษตรมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำแล้ว แต่สถานการณ์น้ำใช้การของเขื่อนสำคัญบางเขื่อนยังมีปริมาณที่น้อยอยู่ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงปรับแผนปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2560 จาก 8 หน่วยปฏิบัติการ คงเหลือ 6 หน่วยปฏิบัติการ
โดยย้ายเครื่องบินจากหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงหัวหินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดขอนแก่น ช่วยเสริมกำลังเติมน้ำในเขื่อนสำคัญต่างๆ ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ 6 หน่วยปฏิบัติการ ได้แก่
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่ ปฏิบัติการเติมน้ำลงเขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนแม่งัด จังหวัดเชียงใหม่ และเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดตาก ปฏิบัติการเติมน้ำลงเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดลพบุรี และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี ปฏิบัติการเติมน้ำลงเขื่อนวชิราลงกรณและเขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดลพบุรี ปฏิบัติการเติมน้ำลงเขื่อนลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครราชสีมา ปฏิบัติการเติมน้ำลงเขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำมูลบน และเขื่อนลำแซะ จังหวัดนครราชสีมา
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดสระแก้ว ปฏิบัติการเติมน้ำลงเขื่อนคลองสียัด จังหวัดฉะเชิงเทรา และสระน้ำรองรับโครงการโคบาลบูรพา จังหวัดสระแก้ว
นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่การเกษตรที่ยังมีความต้องการน้ำ แต่ยังอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง เช่น พื้นที่อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ในแต่ละภูมิภาคลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องเกษตรกรในเรื่องการปฏิบัติภารกิจและการขอรับบริการฝนหลวง