พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารการบูรณาการแผนและระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ทั่วประเทศที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานว่า จากการสำรวจกล้องวงจรปิดทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด เมื่อวันที่ 15 มี.ค.60 ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนเฉพาะที่ฉายไปในพื้นที่สาธารณะมีประมาณกว่า 300,000 กล้อง พบว่าจำเป็นต้องติดตั้งกล้องเพิ่มอีกกว่า 40,000 กล้องเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงทั้งหมดเพื่อให้การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ให้นโยบายว่าเรื่องกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เป็นเรื่องของความมั่นคง จึงจะนำข้อมูลเหล่านี้เสนอเข้าสู่ที่การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ด้วย และที่ประชุมในวันนี้ได้ร่วมกันพิจารณาแผนเชื่อมโยงบูรณาการการใช้กล้อง CCTV และการบริหารจัดการในภาพรวม
ที่ประชุมเห็นว่าการเชื่อมโยงข้อมูลจากกล้อง CCTV จะต้องทำได้แบบ Real Time เพื่อให้ฝ่ายปกครองและตำรวจสามารถใช้งานร่วมกันได้ ด้วยการจัดตั้งศูนย์ควบคุมที่มีตำรวจและมหาดไทยทำงานร่วมกัน โดยจัดตั้งศูนย์ควบคุมระดับจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด หากจังหวัดใดที่สถานีตำรวจมีความพร้อมก็ให้ใช้เป็นที่ตั้งศูนย์ โดยมีกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดูแลในภาพรวม
โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงเพิ่มเติมว่า ในส่วนพื้นที่ชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้ การจัดตั้งศูนย์ควบคุมเป็นหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) โดยที่ประชุมได้พิจารณาให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากขึ้น โดยพิจารณาในเรื่องของสิทธิประโยชน์ของภาคเอกชนที่จะเข้ามามีส่วนร่วม อาทิ การลดหย่อนเรื่องภาษี หรือการลดค่าไฟฟ้าสำหรับหน่วยงานเอกชนที่ติดตั้งกล้อง CCTV ที่ฉายไปยังพื้นที่สาธารณะด้วย