ผู้ต้องหาก่อเหตุลอบวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กล่าวรับสารภาพระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวมาเถลงข่าวต่อสื่อมวลชนวันนี้ว่า เป็นผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยมูลเหตุจูงใจที่ให้ก่อเหตุหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อปี 50 และล่าสุดในปีนี้เป็นเพราะต้องการแสดงสัญลักษณ์ของการไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร
นายวัฒนา ภุมเรศ อดีตวิศวกรไฟฟ้า ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่าการปฏิวัติเป็นเหตุทำให้ประเทศชาติต้องประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ และสิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกลิดรอน ซึ่งการก่อเหตุวางระเบิดแต่ละครั้ง มุ่งทำในเชิงสัญลักษณ์ของการต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ แต่ไม่ได้หวังจะให้ประชาชนต้องได้รับผลกระทบ
"ผมเป็นประชาชนธรรมดาที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ เพราะการปฏิวัติแต่ละครั้งทำให้ประเทศชาติประสบหายนะทางเศรษฐกิจ ตลอดจนสิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกลิดรอนไป...ทุกครั้งที่ทำ พยายามจะไม่ให้กระทบกับคนธรรมดา แต่ทำในเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร อยากส่งเสียไปถึงรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหารว่า ประชาชนรากหญ้าไม่ได้ชื่นชมรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ" นายวัฒนา กล่าว
พร้อมยืนยันว่า การก่อเหตุระเบิดในปี 50 และ 60 เป็นการกระทำแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีฝ่ายการเมืองหรือบุคคลใดชี้นำ
นายวัฒนา ระบุว่า โดยส่วนตัวแล้วมีความรักทหาร เพียงแต่ไม่ชอบทหารบางคนเท่านั้นที่ใช้ประชาชนเป็นฐานในการก้าวขึ้นสู่อำนาจในการเป็นรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการเสนอศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับนายวัฒนา ในอีก 2 ข้อหา คือกรณีระเบิดที่ปากซอยราชวิถี และที่กองบัญชาการทหารบก (บก.ทบ.) ซึ่งคาดว่าศาลจะพิจารณาอนุมัติหมายจับให้ภายในวันนี้