นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ชี้แจงกรณีนักลงทุน 200 รายเข้าพบกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) อ้างว่าวายแอลจีฯ หลอกลงทุนซื้อขายเทรดทองคำออนไลน์ มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท โดยวานแอลจียืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง
โดยความเป็นจริงลูกค้ากลุ่มนี้มีประมาณ 10 กว่าราย เป็นลูกค้าที่ได้ซื้อขายทองคำแท่งกับบริษัทประมาณปี 54 และได้ทำการเปิดบัญชีและทำสัญญาซื้อขายทองคำแท่งกับบริษัทรับทราบรายละเอียดของเงื่อนไขในการซื้อขาย การชำระราคา และส่งมอบทองคำแท่ง ทั้งนี้การกำหนดราคาการซื้อขายทองคำแท่ง ลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นผู้ตัดสินใจราคาเอง โดยอ้างอิงราคาทองคำตลาดโลกในขณะนั้น ซึ่งราคาตลาดโลกมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา (Real time) ลูกค้ากลุ่มนี้มีกำไรจากการซื้อขายทองคำแท่งตลอดมา
ต่อมาช่วงต้นเดือน เม.ย.56 เกิดวิกฤตราคาทองคำในตลาดโลกลดลงอย่างมาก ทำให้ลูกค้าที่ทำการซื้อทองคำแท่งกับบริษัทฯในราคาที่สูงได้รับผลกระทบและเกิดผลขาดทุนจากภาวะการณ์ดังกล่าว ซึ่งลูกค้าทุกรายรับทราบถึงวิกฤตยอมรับผลขาดทุน และได้ชำระหนี้แก่บริษัทฯ ยกเว้นลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ยอมรับผลขาดทุน อีกทั้งได้ผิดนัดชำระหนี้
ดังนั้น บริษัทจึงได้ดำเนินการฟ้องร้องลูกค้ากลุ่มนี้ เรียกค่าเสียหายจากการไม่ชำระราคา ซึ่งคดีส่วนใหญ่ศาลได้พิจารณาพิพากษาให้บริษัทฯชนะคดีและมีการบังคับคดีบางส่วนแล้ว ยกเว้นบางคดีศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากขาดพยานหลักฐานบางส่วนและคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โดยการวินิฉัยคดีทั้งหมดของศาล ศาลได้พิจารณาแล้วว่าธุรกรรมการซื้อขายของบริษัทฯเป็นการซื้อขายแบบปกติและชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่การซื้อขายทองคำแท่งล่วงหน้า ไม่ใช่เป็นเรื่องของแชร์ลูกโซ่ และไม่ใช่เป็นการหลอกลวงหรือฉ้อโกงลูกค้าแต่อย่างใด
ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมส่งมอบพยานหลักฐานต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพิ่มเติมป็นที่เรียบร้อย ซึ่งบริษัทฯมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม โดยในระหว่างการชี้แจงต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษนี้ ลูกค้าของบริษัทฯยังสามารถดำเนินธุรกรรมกับบริษัทฯ ได้ตามปกติ
นางพวรรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทสามารถกลับมาซื้อขายได้ตามปกติแล้ว หลังจากที่บริษัทฯถูกระงับการเบิกถอนบัญชีของวายแอลจี ทุกบัญชีตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายต่อบริษัทฯกว่า 1,000 ล้านบาทต่อวัน สำหรับลูกค้าของบริษัทฯในปัจจุบันมีอยู่ราว 2,000 บัญชีโดยซื้อขายเฉลี่ยวันละ 500-1,000 กิโลกรัม ยังคงมั่นใจในบริษัทและทำการซื้อขายเป็นปกติ
"ที่ผ่านมาเราดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส และเราขอยืนยันว่าเราจะยังดำเนินธุรกิจต่อไปด้วนความโปร่งใส สุจริต และสามารถตรวจสอบได้ แม้ว่าจะถูกกลุ่มคนเพียง 10 คน ที่อ้างว่ามีความเสียหายมูลค่าสูงถึง 2,000 ล้านบาท แต่จริงมีมูลค่าความเสียหายที่ 200 ล้านบาท ซึ่งก็ไม่ได้เป็นความเสียหายของกลุ่มคนดังกล่าว แต่เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบริษัทฯ ซึ่งตอนนี้เรายังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากเพราะอยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย"นางพวรรณ์ กล่าว