พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการตรวจความปลอดภัยอาคารใบหยก 1 วันนี้ว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถึงแม้อาคารใบหยก 1 จะสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ซึ่งถือเป็นอาคารที่ปลูกสร้างก่อนการประกาศใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 33 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2535 แต่ตัวอาคารยังคงมีความแข็งแรง ซึ่งเจ้าของอาคารได้มีการดำเนินการด้านความปลอดภัยเป็นอย่างดี โดยได้เน้นย้ำให้เจ้าของอาคารมีการตรวจสอบถังดับเพลิงไม่ให้หมดอายุ รวมถึงสามารถใช้งานได้เป็นปกติตลอดเวลา
สำหรับในพื้นที่ กทม.มีอาคารสูงเกินกว่า 23 เมตร หรือ 8 ชั้นขึ้นไปจำนวนมาก โดยมีทั้งอาคารที่สร้างก่อนปี 2535 และหลังปี2535 รวม 2,810 อาคาร แบ่งเป็น อาคารที่ปลูกสร้างก่อนการประกาศใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 33 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2535 จำนวน 1,033 อาคาร และอาคารที่ปลูกสร้างหลังการประกาศใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 33 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2535 จำนวน 1,777 อาคาร
ที่ผ่านมา 50 สำนักงานเขตได้ดำเนินการตรวจสอบอาคารและระบบป้องกันอัคคีภัยของอาคารภายในพื้นที่เขตให้เป็นไปตามกฎกระทรวงและจัดส่งรายงานให้กองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา ทุกปี รวมถึงสำนักงานเขต สำนักการโยธา และสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกันออกตรวจการประจำปี หากพบข้อบกพร่องแต่ไม่ขัดกับกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงให้เกิดความปลอดภัย แต่หากพบข้อบกพร่องและไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด สำนักงานเขตพื้นที่จะออกคำสั่งให้แก้ไขให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน กรณีมีเหตุอันควรเจ้าพนักงานท้องถิ่นจะขยายเวลาออกไปอีกก็ได้
พร้อมกันนี้ ผู้ว่า กทม.ได้กำชับให้สำนักการโยธา สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต เข้มงวดในการตรวจสอบอาคารต่างๆ รวมถึงอาคารสูง ซึ่งตามกฎกระทรวงฉบับที่ 33 กำหนดไว้ว่า เป็นอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 23 เมตรขึ้นไป หรือสูงประมาณ 8 ชั้น และอาคารขนาดใหญ่พิเศษในพื้นที่กรุงเทพฯ ตลอดจนให้คำแนะนำในการปรับปรุงระบบแจ้งเตือน และระบบป้องกันอัคคีภัยภายในอาคารให้สามารถใช้งานได้อย่างครบถ้วน เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และไม่เกิดเหตุซ้ำรอยกรณีเพลิงไหม้ตึกแกรนด์เฟลล์ ทาวเวอร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ