พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในงาน"วันต่อต้านยาเสพติดโลก"ว่า การปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปเป็นเรื่องยาก เนื่องจากผู้ค้ายามีการพัฒนาขึ้นตามลำดับ รัฐบาลจึงต้องปรับการทำงานให้สามารถตามทันและเดินหน้าในเชิงรุกในการป้องกันและปราบปราม ฟื้นฟูผู้เสพยา ซึ่งตนเองมีความห่วงใยเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติด เพราะอาจจะส่งผลกระทบทางอ้อมหลังจากมีการบังคับใช้กฏหมาย แต่รัฐบาลจะพยายามให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด เพราะรัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะการกระจายรายได้และการลงทุนในอนาคต และการวางแผนงานด้านยาเสพติดที่จะต้องสร้างความเข้มแข็งและลดจำนวนลงให้ได้ ด้วยการทำงานอย่างบูรณาการในรูปแบบประชารัฐ
ปัญหายาเสพติดถือเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม อีกทั้งยังสร้างผลกระทบด้านอื่นๆ เช่น เศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยมีเงินที่มาจากการทำผิดด้านยาเสพติดหมุนเวียนสู่ประชาชนโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อมีการปราบปรามอย่างจริงจัง อาจทำให้เงินเหล่านี้หายไป ซึ่งขอให้ประชาชนเข้าใจว่าจะต้องร่วมกันแก้ปัญหาเหล่านี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา
ในส่วนของรัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดที่อันตรายร้ายแรงต่อสังคม และเป็นบ่อนทำลายชีวิตของประชาชน โดยในปี 60 ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ พร้อมทั้งจัดทำแผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้าน/ชุมชนมั่นคงปลอดภัยจากยาเสพติด ซึ่งปัญหาจะแก้ไขไม่ได้ ถ้าสังคมไม่มีความเข้มแข็ง เพราะฉะนั้นทุกภาคส่วนในสังคมต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาในรูปแบบของประชารัฐ ภาคราชการต้องทำงานตามหน้าที่ ตามกฎหมาย ภาคประชาชนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา เป็นเครือข่ายให้กับภาครัฐ โดยนายกรัฐมนตรีคาดหวังให้การป้องกัน ปราบปราม ตลอดจนการฟื้นฟูมีประสิทธิผลมากขึ้น ส่วนราชการจะต้องทำงานเชิงรุกอย่างมีเอกภาพและครบวงจร มีการลงพื้นที่ในระดับจังหวัด อำเภอ ชุมชน เพื่อป้องกัน ปราบปราม บำบัดเพื่อสร้างความเข้มแข็งในหมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศ สามารถควบคุมดูแลปัญหายาเสพติดทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความกังวลต่อการทำงานปราบปรามขบวนการยาเสพติด โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชน โดยเฉพาะการใช้อาวุธในการจับกุม ซึ่งบางครั้งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ใช้อาวุธ จึงขอให้คำนึง และพึงระลึกอยู่เสมอเรื่องความปลอดภัย ทำให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด โดยมอบหมายให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจัดทำหลักสูตรอบรมเจ้าหน้าที่ ให้มีความพร้อมในการเผชิญเหตุ ใช้กลยุทธ์ในการปิดล้อม และตรวจค้นให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ดำเนินการกับขบวนการค้ายาเสพติดอย่างเด็ดขาด รวมทั้งตั้งเป้าหมายให้เป็นปีแห่งการปราบปรามขบวนยาเสพติดรายใหญ่ เร่งนำคดีเกี่ยวกับยาเสพติด รวมไปถึงการค้ามนุษย์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมปรับรูปแบบการแถลงข่าวโดยไม่ต้องนำผู้ต้องหามาแถลงข่าวในการจับกุม และคุ้มครองพยานบุคคลให้มีความปลอดภัย
ในช่วงหนึ่ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องการให้ทุกคนทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหา มีโอกาสในการรับรางวัลและการชื่นชมจากสังคม เพื่อเป็นความภาคภูมิใจในการทุ่มเทและเสียสละ จะเห็นได้จากผลงานปราบปรามยาเสพติดข้ามชาติ เช่นเดียวกันจะมีการคุ้มเข้มตามแนวชายแดน จึงจำเป็นต้องพัฒนาปรับรูปแบบการป้องกันและปราบปรามให้ทันต่อกระบวนยาเสพติด โดยการนำเทคโนโลยี และระบบไอทีเข้ามาช่วยการทำงาน รวมทั้งต้องทำงานในเชิงรุกมากขึ้น
"ในปีนี้จะต้องเป็นปีแห่งการปราบปรามยาเสพติดระดับใหญ่ให้ได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว