นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาวะอากาศและสถานการณ์น้ำของศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) พบว่า หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยปริมาณฝนสูงสุด(6 ก.ค. 60 )วัดได้ 3 อันดับ คือ สถานี สกษ.ตากฟ้า อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ วัดได้ 86.2 มิลลิเมตร, สถานี S.13 อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี วัดได้ 66.7 มิลลิเมตร และสถานี สกษ. ลำปาง อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง วัดได้ 51.4 มิลลิเมตร
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี เนื่องจากมีฝนตกชุกต่อเนื่องกันหลายวัน ทำให้เกิดน้ำบ่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ วัดปริมาณฝนสะสมสูงสุด 2 วันได้ 156 มิลลิเมตร ประกอบกับมีฝนตกเป็นช่วงๆในพื้นที่ดังกล่าวตลอดเดือน มิ.ย.60 ทำให้ดินอิ่มตัว จึงเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ ม.1 - 7 ต.มหาโพธิ์ ระดับน้ำท่วมสูงจากถนนประมาณ 0.60 เมตร ซึ่งปริมาณน้ำนี้จะไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่างในเขต อ.โคกสำโรงและอ.บ้านหมี่ต่อไปในอีก 2-3 วันข้างหน้า กรมชลประทาน ได้ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งเปิดและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ รวมทั้งเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ประจำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าตลอด 24 ชม. และติดตั้งเครื่องสูบน้ำอีก 8 เครื่องไว้ในพื้นที่ เพื่อเร่งระบายน้ำ พร้อมกับลดการรับน้ำจากประตูระบายน้ำมโนรมย์เข้าคลองชัยนาท – ป่าสัก จาก 125 ลบ.ม./วินาที เหลือ 80 ลบ.ม./วินาที เพื่อรองรับน้ำหลากจาก อ.สระโบสถ์ ซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายคลองชัยนาท – ป่าสัก ก่อนที่มาบรรจบกับแม่น้ำป่าสัก อีกทั้งจะไม่ส่งผลกระทบต่อ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
สถานการณ์น้ำในแม่น้ำสายหลักต่างๆ ส่วนใหญ่ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง มีปริมาณน้ำท่าในลำน้ำโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 30 – 50 ของความจุลำน้ำ แม่น้ำสายหลักต่างๆ ยังคงรองรับน้ำได้อีกมาก โดยแม่น้ำเจ้าพระยาที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 850 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 5.95 เมตร และมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 649 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น
ในส่วนของสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ ปัจจุบัน(6 ก.ค. 60) มีปริมาณน้ำรวมกัน 41,890 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 56 ของความจุอ่างฯรวมกันทั้งหมด ปริมาณน้ำมากกว่าปี 2559 รวม 9,030 ล้านลูกบาศก์เมตร เพียงพอที่จะสนับสนุนการใช้น้ำตลอดฤดูฝนนี้ และยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 33,300 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 11,302 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 45 ของความจุอ่างฯรวมกัน ปริมาณน้ำปีนี้มากกว่าปี 2559 รวม 3,063 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำใช้การได้ 4,606 ล้านลูกบาศก์เมตร โดย 4 เขื่อนหลักยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 13,500 ล้านลูกบาศก์เมตร