ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นให้รับคดีที่บริษัท ไทยทีวี จำกัด ยื่นฟ้อง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในข้อหาที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ไว้พิจารณา และข้อหาขอให้ชดใช้ค่าเสียหายไว้พิจารณา
"การที่ศาลปกครองชั้นต้นไม่รับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณาและจำหน่ายคดีออกจากสารบบ กับให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดแก่ผู้ฟ้องคดีนั้น ศาลปกครองไม่เห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคำฟ้องในข้อหาขอให้เพิกถอนคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ไว้พิจารณา และให้ศาลปกครองชั้นต้นรับฟ้องในข้อหาที่ฟ้องขอให้ชดใช้ค่าเสียหายไว้พิจารณาเมื่อผู้ฟ้องคดีแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องแล้ว" คำสั่งศาลปกครองสูงสุด ระบุ
เนื่องจากบริษัท ไทยทีวี เห็นว่า การที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการแทน กสทช.ได้มีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ของบริษัท ไทยทีวี เนื่องจากไม่ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ (ค่าประมูลคลื่นความถี่) และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการเพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลรายปี เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากบริษัท ไทยทีวี ได้ขอยกเลิกใบอนุญาตไปก่อนแล้ว ทำให้ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง เนื่องจาก กสทช.ได้แจ้งองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยออกอากสศเผยแพร่ข้อความว่า บริการโทรทัศน์ของบริษัท ไทยทีวี ถูกระงับการออกอากาศชั่วคราวตามคำสั่งทางปกครอง ซึ่งทำให้ประชาชนสับสนว่าบริษัท ไทยทีวี กระทำผิดจึงต้องถูกคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต จึงต้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและชดใช้ค่าเสียหาย
"กรณีถูกสั่งพักใบอนุญาตย่อมแสดงถึงการไม่ปฏิบัติหรือฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือหลักเกณฑ์หรือคำสั่งที่ผู้ถูกฟ้องคดีกำหนด คำสั่งพักใบอนุญาตย่อมนำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาต และมีผลต่อสิทธิและหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีตามที่กำหนดในเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาต อีกทั้งผู้ฟ้องคดีอ้างว่า ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายจากคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตและเรียกค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวอีกด้วย จึงถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตที่มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาล" คำสั่งศาลปกครองสูงสุด ระบุ