พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังรับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการการกำจัดขยะในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นโครงการนำร่องการพัฒนารูปแบบของการดำเนินการจัดการขยะที่รักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชน ณ ศูนย์การเรียนรู้บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า การบริหารจัดการขยะจะต้องมีการจัดทำแผนแม่บทบริหารจัดการขยะทั้งประเทศ ซึ่งวันนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่ได้มีการนำร่องรูปแบบการดำเนินการจัดการขยะที่รักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชน ซึ่งต้องขยายการดำเนินการออกไปให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคและทุกพื้นที่เพื่อสร้างแผนบริหารจัดการจัดขยะให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ทุกภาคส่วน ภาครัฐ เอกชน และประชาชนต้องร่วมมือกันจึงจะประสบความสำเร็จ รวมถึงภาครัฐต้องสร้างแรงจูงใจให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการขยะ โดยออกมาตรการจูงใจต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
ปัจจุบันปัญหาขยะถือเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศต้องแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับพื้นที่ โดยเฉพาะขยะอุตสาหกรรมต้องมีวิธีการบริหารจัดการที่เหมาะสม รวมถึงปัญหาขยะในครัวเรือนจะต้องแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทาง คือ การคัดแยกขยะ พร้อมกับสร้างจิตสำนึก สร้างการรับรู้ ปลูกฝังตั้งแต่เด็กให้เกิดความเคยชินในการคัดแยกขยะ และนำขยะที่คัดแยกไปรีไซลเคิลในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อไป
โครงการดังกล่าวอยู่บนพื้นที่ราชพัสดุจำนวน 372 ไร่ 2 งาน 29 ตารางวา ใช้งบประมาณในการดำเนินงานของกระทรวงมหาดไทยจำนวน 368 ล้านบาท ก่อสร้างระบบฝังกลบขยะมูลฝอยอย่างถูกหลักวิชาการและขนย้ายขยะสะสมจำนวน 2 แสนตัน โดยกระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ปรึกษาการแปรรูปขยะมูลฝอยเป็นพลังงานตามโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอย ด้วยเทคโนโลยีผลิตขยะเป็นเชื้อเพลิงและก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าจากการกำจัดขยะด้วยเทคโนโลยีการเผากำลังการผลิตไฟฟ้าขนาด 3.8 เมกกะวัตต์