กรมชลประทาน เพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน หลังพบว่ามีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างไว้รองรับฝนตกหนักรอบใหม่ ย้ำไม่กระทบพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน
นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำของศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) พบว่าผลจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เซินกา" ที่อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำค่อนข้างแรง ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยในพื้นที่ภาคเหนือบริเวณจังหวัดพิษณุโลก ได้รับผลกระทบมีฝนตกชุกอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเป็นปริมาณมาก
ปัจจุบันเขื่อนแควน้อยฯ มีปริมาณน้ำ 754 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯวันละประมาณ 16 ล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะที่ฤดูฝนยังไม่สิ้นสุด จึงมีแนวโน้มที่จะมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องระบายน้ำส่วนหนึ่ง เพื่อเตรียมพื้นที่ว่างไว้รองรับปริมาณฝนที่จะตกหนักลงมาอีกในระยะต่อไป
สำหรับการะบายน้ำในครั้งนี้ จะระบายในอัตราใกล้เคียงกับปริมาณน้ำที่ไหลลงอ่างฯ โดยจะทยอยเพิ่มการระบาย ไม่ให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน แต่จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำแควน้อยเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 90 เซนติเมตร ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำแควน้อยที่สถานี N.22 อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ยังต่ำกว่าตลิ่ง 5.41 เมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 138 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ดังนั้น การระบายน้ำเพิ่มลงสู่ด้านท้าย จะไม่ทำให้มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งแม่น้ำแควน้อยแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำแควน้อยเกิดความตื่นตระหนก เนื่องจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น กรมชลประทาน ได้ทำหนังสือแจ้งข้อมูลสถานการณ์น้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก นายอำเภอวัดโบสถ์ นายอำเภอพรหมพิราม นายอำเภอเมืองพิษณุโลก นายอำเภอวังทอง และองค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นที่ ให้แจ้งเตือนและทำความเข้าใจกับประชาชนให้รับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึงแล้ว