นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ หย่อมความกดอากาศต่ำ พายุโซนร้อนตาลัส และพายุโซนร้อนเซินกา ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.จนถึงวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 44 จังหวัด 302 อำเภอ 1,724 ตำบล 14,105 หมู่บ้าน 43 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 609,425 ครัวเรือน 1,898,322 คน ผู้เสียชีวิต 36 ราย เบื้องต้นบ้านเรือนเสียหาย 2,574 หลัง แยกเป็น เสียหายบางส่วน 2,559 หลัง เสียหายทั้งหลัง 15 หลัง ถนน 2,401 สาย คอสะพาน 111 แห่ง สะพาน 207 แห่ง ฝายและทำนบ 8,753 แห่ง พื้นที่การเกษตรสำรวจความเสียหายแล้ว 1.51 ล้านไร่ พื้นที่ประมง 149.41 ไร่ ปศุสัตว์ 30,248 ตัว โดยขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 38 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 6 จังหวัด แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ นครพนม ร้อยเอ็ด ยโสธร และอุบลราชธานี และภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา รวม 23 อำเภอ 143 ตำบล 890 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 32,591 ครัวเรือน 98,493 คน จุดอพยพ 12 จุด 953 ครัวเรือน 3,509 คน
นอกจากนี้ อิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 12-19 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 8 จังหวัด แยกเป็น ภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ ตรัง สตูล นครศรีธรรมราช และกระบี่ ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร น่าน และเชียงราย ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ ตราด รวม 29 อำเภอ 95 ตำบล 340 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,656 ครัวเรือน 24,566 คน ผู้เสียชีวิต 3 ราย ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 6 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 2 จังหวัด ได้แก่ สตูล และพิจิตร รวม 12 อำเภอ 44 ตำบล 161 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,153 ครัวเรือน 6,456 คน
ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ พร้อมกำชับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วให้เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ส่วนจังหวัดที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัยให้ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัยควบคู่กับการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ โดยเชื่อมโยงการระบายน้ำในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดอย่างใกล้ชิด เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป