ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้เรียงกระทงลงโทษนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ในคดีละเมิดอำนาจศาล โดยให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 14 เดือน แต่ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี และปรับเงิน 7 แสนบาท
คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากประชาชนผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงและมลภาวะทางอากาศ ในบริเวณพื้นที่โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ยื่นฟ้อง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) รวม 14 คดี ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกฟ้อง และนายศรีสุวรรณได้อุทธรณ์คำพิพากษา
โดยศาลปกครองสูงสุด องค์คณะที่พิจารณาคดี เห็นว่า ถ้อยคำในคำอุทธรณ์ทั้ง 14 คดี มีลักษณะเสียดสีการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งข้อความดังกล่าวทั้งหมดมิใช่การวิจารณ์การพิจารณาหรือการพิพากษาคดีของศาลปกครองโดยสุจริตด้วยวิธีการทางวิชาการ แต่เป็นการเสียดสีการปฏิบัติหน้าที่และกล่าวหาใส่ความให้ขาดความน่าเชื่อถือ เสื่อมเสียงชื่อเสียงและถูกดูหมิ่นเกลียดชัง โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เป็นผู้จัดทำและลงลายมือชื่อในคำอุทธรณ์ดังกล่าวทั้งหมด 14 คดี จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอันเป็นการละเมิดอำนาจศาล แม้ในเวลาต่อมานายศรีสุวรรณ จรรยา จะได้ยื่นคำแถลงว่าได้สำนึกในการกระทำ แต่ก็เป็นคำแถลงที่ได้ยื่นต่อศาลภายหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งลงโทษนายศรีสุวรรณ จรรยา กรณีละเมิดอำนาจศาลอีกคดีหนึ่งแล้ว ซึ่งนายศรีสุวรรณ จรรยา ยอมรับว่า จะมิให้เกิดความผิดพลาดทำนองนี้อีก แต่ก็มิได้ดำเนินการแก้ไขคำอุทธรณ์ให้เหมาะสมภายหลังจากที่ทราบว่าอาจเป็นการละเมิดอำนาจศาลได้ ดังนั้นการที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นคำอุทธรณ์ทั้ง 14 คดี คัดค้านคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงและก่อให้เกิดความเสียหายต่อศาล จึงสมควรลงโทษสถานหนักทุกคดี โดยสั่งเรียงกระทงลงโทษจำคุก นายศรีสุวรรณ จรรยา มีกำหนดคดีละหนึ่งเดือน และปรับคดีละ 50,000 บาท โดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดสองปี ให้บวกโทษจำคุกที่รอตามคดีเดิมเข้ากับโทษจำคุกในทุกคดีดังกล่าวนี้ แต่เนื่องจากเป็นการลงโทษตามมาตรา 65 (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 จึงได้ส่งให้องค์คณะอื่นพิจารณาลงโทษ
ศาลปกครองสูงสุดโดยองค์คณะที่เป็นผู้พิจารณาและสั่งลงโทษพิจารณาแล้ว เห็นว่า ถ้อยคำในคำอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นการเสียดสีการปฏิบัติหน้าที่ของศาลปกครองให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ถือเป็นการปฏิบัติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นการละเมิดอำนาจศาล ตามมาตรา 64 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ประกอบมาตรา 31 (1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงมีคำสั่งลงโทษจำคุกนายศรีสุวรรณ จรรยา ทุกคดีมีกำหนดคดีละหนึ่งเดือน และปรับทุกคดี คดีละ 50,000 บาท
อย่างไรก็ตาม นายศรีสุวรรณ จรรยา ได้แถลงต่อศาลว่าได้สำนึกผิดในผลแห่งการกระทำและเข็ดหลาบแล้ว จึงมีเหตุอันปรานีให้รอการลงโทษจำคุกในแต่ละคดีไว้มีกำหนดสามปีตามมาตรา 56 แห่งประมวลกฎหมายอาญา