นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ได้ประสาน 50 จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ในช่วงวันที่ 28 ส.ค.- 2 ก.ย.60 จากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่น "ปาข่า" ที่อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม
ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์น้ำ สภาวะอากาศ และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร พบว่า พายุโซนร้อน "ปาข่า" ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น และคาดว่าในวันที่ 28 ส.ค.60 จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณตอนเหนือของประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับ ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ในช่วงวันที่ 28 ส.ค.- 2 ก.ย.60 มีฝนตกเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักบางแห่งในทั่วทุกภาคของประเทศ
โดยพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว ประกอบด้วย ภาคเหนือ 13 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะลุ่มแม่น้ำกกและลุ่มแม่น้ำน่าน ซึ่งมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นและเริ่มเอ่อล้นตลิ่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี และลพบุรี ภาคตะวันออก 5 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ 13 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
ขณะที่ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 6 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี พระนครศรีอยุธยา และพิจิตร รวม 32 อำเภอ 153 ตำบล 636 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,900 ครัวเรือน 12,414 คน