พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวนช.) ครั้งที่ 3/2560 โดยมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า งานวิจัยเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศในทุกมิติ ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง การที่มีหน่วยงานที่เข้ามากำกับเพื่อช่วยให้การขับเคลื่อนงานวิจัยได้ครอบคลุมจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ
ดังนั้นในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธาน สวนช. จึงขอสั่งการให้มีจัดตั้งสำนักงานการวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน โดยในระยะแรกให้สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญทางด้านระบบวิจัยและนวัตกรรมทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษาเข้ามาเป็นที่ปรึกษา โดยการดำเนินงานของสำนักงานในระยะแรกให้มีการสังเกตการณ์และประมวลผลการทำงานเพื่อประเมินประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงานของสำนักงานฯ เพื่อนำข้อมูลมาวางแผนการดำเนินงานของสำนักงานในระยะที่ 2 ว่าจะดำเนินงานในรูปแบบใดต่อไป พร้อมย้ำว่า ปัจจัยหลักที่ต้องพัฒนาเป็นอันดับแรกคือ "คน" เพราะในทุกระบบล้วนต้องมีคนเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งประเทศจะเดินหน้าหรือหยุดอยู่กับที่ล้วนมีคนเป็นตัวแปรที่สำคัญ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรมจะต้องนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง และเน้นย้ำการจัดสรรงบประมาณด้านการวิจัยและนวัตกรรมลงพื้นที่อย่างเหมาะสม โดยให้คำนึงถึงภูมิภาคทั้ง 6 ภูมิภาคของประเทศ โดยเฉพาะภาคตะวันออก เพื่อให้เกิดการกำหนดเป้าหมายด้านการจัดสรรงบประมาณให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ และควรมีการเพิ่มเติมในส่วนของงานวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ อาทิ เรื่องน้ำ และเรื่องผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ เป็นต้น
ด้านนายกานต์ ตระกูลฮุน ประธานกรรมการ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สวนช. กล่าวว่า ในฐานะภาคเอกชนมีความตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมขึ้นมาก เนื่องจากรัฐบาลให้ความสำคัญและลงมากำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ภาคเอกชนลงทุนวิจัยเพิ่มขึ้น จากที่เคยลงทุนเพียง 0.2% มานับสิบปี เพิ่มสูงขึ้นเป็น 0.62% ในปี 2558 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกันไม่ใช่แค่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเท่านั้นที่จะขับเคลื่อนเรื่องงานวิจัย แต่ขณะนี้หลายกระทรวงก็ชูประเด็นงานวิจัยในการพัฒนาประเทศ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ดี แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายในการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ขอชื่นชมนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่จุดประกายและผลักดันให้เกิดการตื่นตัวด้านงานวิจัยในทุกภาคส่วน
นายกิติพงค์ พร้อมวงค์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมชาติ (สวทน.) เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการและอนุกรรมการ ภายใต้สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ โดยได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านนโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งมี สวทน. และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นเลขานุการร่วม ได้ดำเนินการประชุมหารือและประชุมเชิงปฏิบัติการ รวมถึงได้จัดประชุมประชาพิจารณ์ (ร่าง) ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ 20 ปีไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยฝ่ายเลขานุการร่วมได้ปรับแก้รายละเอียดของ (ร่าง) ยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว ตามข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากการประชุมต่างๆ โดยที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการของร่างยุทธศาสตร์ดังกล่าว และเสนอให้เพิ่มเติมในส่วนของยุทธศาสตร์ด้านดิน น้ำ และป่าไม้ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันภัยธรรมชาติ และการรับมือกับด้านเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ครอบคลุมการทำงานในทุกมิติ
ทั้งนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้เลขานุการร่วม สวนช. หาวิธีการจัดสรรงบประมาณด้านการวิจัยและนวัตกรรมกระจายลงในแต่ละภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาจใช้รูปแบบการจัดสรรงบประมาณโดยการจัดตั้งกองทุนว่าด้วยเรื่องวิจัยและนวัตกรรม และการให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เป็นต้น