นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า โรคเมลิออยโดสิส เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งพบได้ทั่วไปในดินและน้ำ มักพบในช่วงหลังฝนตกประมาณ 1-2 เดือน โรคเมลิออยโดสิส สามารถติดต่อจากการสัมผัสกับดินหรือน้ำ ผ่านทางบาดแผลที่ผิวหนังหรือหายใจเอาฝุ่นจากดินหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป เชื้อเมลิออยโดซิส สามารถอยู่ได้ในซากสัตว์ที่อยู่ในดินและน้ำ สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้ส่วนใหญ่ คือ ผู้ที่มีอาชีพที่ต้องสัมผัสดินและน้ำ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคไต และผู้ที่มีสุขภาพอ่อนแอ เช่น ติดสุราหรือทานยากดภูมิคุ้มกัน โรคนี้ก็อาจเข้าแทรกซ้อนได้ อาการโดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีไข้สูงหรือมีไข้เป็นเวลานานโดยไม่ทราบสาเหตุ หายใจไม่สะดวกหรือหอบเหนื่อย ซึมแบบไม่รู้ตัว ผู้ป่วยบางรายมีอาการคล้ายโรคปอดบวมรุนแรง บางรายมีอาการคล้ายวัณโรค
สำหรับสถานการณ์โรคเมลิออยโดสิสในเขตพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 27 มีนาคม 2560 พบผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสิสแล้ว จำนวน 13 ราย โดยพบที่จังหวัดสงขลา 5 ราย จังหวัดตรัง 4 ราย จังหวัดพัทลุง 4 ราย และพบผู้เสียชีวิตที่จังหวัดสงขลา จำนวน 3 ราย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้พื้นที่ภาคใต้พบจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว คาดว่าอาจเป็นเพราะช่วงที่ผ่านมาพื้นที่ภาคใต้ประสบกับภาวะฝนตกหนัก และมีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน น้ำจึงชะเอาเชื้อที่อยู่ในดินขึ้นมาอยู่ที่บริเวณผิวดิน ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
สำหรับการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคเมลิออยโดสิส คือ ป้องกันไม่ให้เกิดบาดแผลเมื่อต้องสัมผัสดินและน้ำ หากมีแผลถลอกหรือไหม้ซึ่งสัมผัสกับดินหรือน้ำควรทำความสะอาดทันที ในบุคคลที่มีอาการของโรคเบาหวาน และมีบาดแผลรุนแรง ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับดินและน้ำ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้สวมถุงมือและรองเท้ายางเพื่อป้องกัน และหากมีอาการไข้นานเกิน 5 วัน หรือมีบาดแผลอักเสบเรื้อรัง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคเมดิออยโดสิสสามารถโทรศัพท์สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422