นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประธานการประชุมสรุปสถานการณ์น้ำและการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรับทราบและสรุปสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน ณ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น พร้อมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใน อ.น้ำพอง, อ.หนองเรือ, อ.ภูเวียง อ.หนองนาคำ และ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น รวมทั้ง อ.ศรีบุญเรือง และ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู โดยได้มอบถุงยังชีพ พร้อมข้าวสารอาหารแห้งและน้ำดื่มในเบื้องต้น จำนวน 678 ชุด ซึ่งจนถึงปัจจุบัน กฟผ. ได้มอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมทั้งสิ้น 3,000 ชุด
ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเขื่อนอุบลรัตน์มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ 2,962 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 122 ของความจุเขื่อน คิดเป็นปริมาณน้ำมากกว่าความจุเขื่อนหรือปริมาณน้ำส่วนเกินแล้วถึง 531 ล้าน ลบ.ม. ระดับน้ำ 183.35 ม.รทก. ซึ่งสูงเกินระดับเก็บกักสูงสุดปกติ 1.35 เมตร (ข้อมูล ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2560) แม้ว่าปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนต่อวันมีแนวโน้มลดลงเหลือประมาณวันละไม่เกิน 80 ล้าน ลบ.ม. แต่ยังจำเป็นต้องระบายน้ำเพื่อสร้างความสมดุลของพื้นที่เหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน รวมถึงเป็นไปตามกฎความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อน (Dam Safety) โดยจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้น จากเดิมวันละ 50 ล้าน ลบ.ม. เป็นวันละ 54 ล้าน ลบ.ม. จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะบริหารจัดการน้ำจังหวัดขอนแก่นให้ระบายได้ก่อนหน้านี้ ถือเป็นการระบายน้ำเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ขั้นบันได และเป็นปริมาณน้ำที่เป็นไปตามความคาดการณ์ ไม่ได้ระบายน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามข่าวลือที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ กฟผ. เขื่อนอุบลรัตน์ ได้เปิดศูนย์อำนวยการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง
“การบริหารจัดการน้ำในเขื่อน กฟผ. เป็นไปตามแผนการระบายน้ำของคณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำแต่ละจังหวัด ซึ่งคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นสำคัญ รวมทั้งในการระบายน้ำจะมีหนังสือแจ้งให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดผู้นำท้องถิ่นทราบ เพื่อประกาศแจ้งเตือนประชาชนในแต่ละพื้นที่ให้ทราบล่วงหน้า เพื่อให้เตรียมพร้อมและป้องกันผลกระทบจากการระบายน้ำ ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดและการปฏิบัติเรื่องการระบายน้ำ" นายณัฐวุฒิ กล่าวในที่สุด