พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมเป็นการเร่งด่วน ณ จังหวัดอ่างทองในช่วงบ่ายวันนี้ พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และคณะ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมจากผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง พร้อมพบปะให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัยอำเภอวิเศษชัยชาญ
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางต่อไปยังหอประชุม องค์การบริหารส่วนตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอำเภอป่าโมก และพบปะให้กำลังใจประชาชนก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานครต่อไป
สำหรับจังหวัดอ่างทอง ปัจจุบันมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจำนวน 5 อำเภอ 30 ตำบล 92 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,595 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายจำนวน 6,017 ไร่
นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังรับฟังรายงานสรุปสถานการณ์จากนายวีร์รวุทธ์ ปุตระเศรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทองว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงห่วงใย โดยขอให้มีการจัดทำแผนหลัก แผนรอง และแผนเผชิญเหตุ การรับมือ รวมทั้งการฟื้นฟูเยียวยาให้กับราษฎรที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้
ในด้านความช่วยเหลือ ตนเองย้ำให้เน้นที่ประชาชนให้มากที่สุด โดยขอให้มองภาพรวมทั้งหมดของประเทศ และจะได้บูรณาการแก้ปัญหาในภาพรวมร่วมกัน
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ให้ทราบถึงเหตุผลและความจำเป็น และใช้วิทยุชุมชนหรือเสียงตามสายทำความเข้าใจ ซึ่งบางครั้งจำเป็นต้องมีการระบายน้ำออกมาบ้างเป็นจังหวะเวลา เพื่อไม่ให้เกิดการอั้นของน้ำแล้วทำให้เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา โดยปัจจุบันปริมาณน้ำเริ่มทรงและลดลงเล็กน้อยประมาณ 2-3 ซม.คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน จะเข้าสู่ภาวะปกติ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณประชาชนที่เดือดร้อนและเสียสละให้เป็นพื้นที่เก็บกักน้ำ ซึ่งจุดนี้รัฐบาลมีแผนจะให้ความช่วยเหลือเยียวยาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดไปหาอาชีพเสริมในช่วงฤดูกาลน้ำท่วมให้กับประชาชนเพื่อมีรายได้ด้วย เช่น การทำประมง กำหนดเป็นโซนนิ่งโดยประสานกับกระทรวงเกษตรฯ ทั้งนี้อย่าลืมว่าความเดือดร้อนที่เกิดจากอุทกภัยครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 10-29 ต.ค.ไม่ใช่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ซึ่งทั้งหมดนี้มีถึง 23 จังหวัด 78 อำเภอ และประชาชนเดือดร้อนกว่า 120,000 ครัวเรือน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาอุทกภัยในปีนี้มีปริมาณน้ำใกล้เคียงกับปี 2554 แต่การบริหารจัดการน้ำถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี ทำให้สถานการณ์ไม่รุนแรงเท่ากับปี 2554 ยืนยันว่ารัฐบาลได้ทำและแก้ปัญหาอย่างดีที่สุด รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนไม่ได้ทำฉาบฉวย
"เราต้องเร่งสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ส่วนเรื่องทางการเมืองหรือใครจะพูดอะไรก็ให้เขาว่ากันไป ผมยืนยันว่าจะแก้ปัญหาของประชาชนอย่างดีที่สุด ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ไม่ต้องห่วง รัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ ผมไม่ได้โทษอะไร เพียงแต่อยากจะบอกว่าประเทศไทยมี 77 จังหวัด เราต้องแก้ปัญหาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ผมจะดูแลทุกคนอย่างเต็มที่เต็มกำลังความสามารถ โดยเฉพาะผู้เดือดร้อนจะต้องได้รับการแก้ไขและเยียวยา ไม่รู้ว่าจะมีการปล่อยข่าวตีกันไปทำไม แต่ผมไม่สนใจ ผมไม่ท้อยืนยันว่าผมทนได้ สักวันหนึ่งก็จะรู้เองว่าเราทำงานอะไรกันไปบ้าง ยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะทำทุกอย่างเต็มกำลังความสามารถ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปเยี่ยมประชาชนในเขตเทศบาลบางจัก โดยมีนายภราดร นายกรวีร์ ปริศนานันกุล อดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา และประชาชนราว 500 คน มารอต้อนรับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงห่วงใยราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน ทรงได้พระราชทานสิ่งของและความช่วยเหลือต่างๆ ลงมา ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าพร้อมดูแลประชาชนอย่างดีที่สุดใน 2 หลักคือความเท่าเทียมและความเป็นธรรม ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการเรียนรู้ที่จะอยู่กับน้ำ ซึ่งรัฐบาลมีโครงการต่าง ๆ เพื่อบริหารจัดการน้ำ
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเป็นงานสำคัญเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการเป็นอันดับแรกหลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีสำคัญ และแม้ว่าจะทำให้ตนเองเหน็ดเหนื่อยแต่ก็จะอดทนทำเพื่อคนไทยทุกคนอย่างเต็มที่ การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้มาหาเสียงเพราะไม่ใช่นักการเมือง แต่ขอขอบคุณนักการเมืองที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยควบคู่กับการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาล แม้ระหว่างนี้จะไม่ใช่ช่วงที่เปิดโอกาสให้นักการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้
"วันนี้มาก็ไม่ได้มาหาเสียง ไม่ได้มาทำให้คนรัก แต่ต้องการมาทำงาน มาแก้ไขปัญหา และจะพยายามทำให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไป แต่รัฐบาลนี้ยืนยันว่าจะทำได้กับคนทุกกลุ่มสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ไม่ให้ใครมาชักจูงจนทำให้เกิดความเสียหาย ตีกันไปมา สุดท้ายก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร รัฐบาลนี้เข้ามาด้วยวิธีพิเศษก็ต้องทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ด้วยวิธีพิเศษบางอย่าง โดยแบ่งเป็นภาคเป็นกลุ่มจังหวัดทำให้ทุกจังหวัดทุกอำเภอ มีความเจริญอย่างเท่าเทียม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปเยี่ยมประชาชนที่ อบต.โผงเผง โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวกับประชาชนที่มารอต้อนรับว่า ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในรัฐบาลและ คสช. ตนเองไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ผ่านมาดีหรือเลว แต่วันนี้เมื่อเราเข้ามาเพื่อปรับเปลี่ยนและทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ทุกคนก็ต้องพัฒนาตัวเอง ขอร้องว่าอย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาตีกันจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องการเมืองหรือเรื่องความขัดแย้งอย่าไปสนใจมาก สนใจมากก็ปวดหัว ตนเองเคยสนใจแล้วยอมรับว่าปวดหัว
"ผมไม่อยากให้มีการสร้างความขัดแย้ง เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เข้ามาเพื่อสร้างความขัดแย้งใดๆ เราเข้ามาเพื่อต้องการสร้างความสงบเรียบร้อย ปัญหาสำคัญของประเทศคือความเข้าใจและความไว้เนื้อเชื่อใจและความจริงใจต่อกัน วันนี้ผมถือว่าทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกับผม ผมมีหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวก็ต้องทำให้คนในครอบครัวเดินต่อไปข้างหน้า ด้วยความเข้มแข็งมีความสงบเรียบร้อย เราต้องทำให้ทุกคนในประเทศมีโอกาสเข้าถึงในทุกๆ ด้าน รัฐบาลนี้กำลังปรับเปลี่ยนซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ผมลงพื้นที่วันนี้ไม่ได้มาหาเสียง แต่ถ้าใครจะให้ก็ไม่ว่ากันแต่ก็ไม่ใช่เวลานี้ วันนี้มาหาความเข้าใจมากกว่าต้องการให้ทุกคนเข้าใจและช่วยกันลดความขัดแย้ง หาคนดีจัดการเลือกตั้งเข้ามาตามระบอบประชาธิปไตย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้ตนเองไม่ห่วงเรื่องความปรองดองแล้ว เพราะทุกวันนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม ไม่มีแบ่งแยกกันแล้ว ขอให้ทุกคนยิ้มสู้ ตั้งใจ ตั้งมั่นในการทำงาน ขอให้นึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตนเองยืนยันว่า จะแก้ปัญหาของประชาชนให้ดีที่สุด แต่ไม่สามารถที่จะแก้ให้ได้ทั้ง 70 ล้านคน แต่จะพยามแก้ให้ได้ในทุกๆ กลุ่ม