นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์การบาดเจ็บและเสียชีวิตขณะอาบน้ำในห้องน้ำที่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นชนิดแก๊ส ตั้งแต่ปี 2551-2560 มีรายงานเหตุการณ์ทั้งสิ้น 19 เหตุการณ์ มีผู้ป่วย 27 ราย และเสียชีวิต 7 ราย เฉพาะในปี 2560 ได้รับรายงาน 3 เหตุการณ์จากจังหวัดเชียงใหม่ มีผู้ป่วย 4 ราย เสียชีวิต 1 ราย สาเหตุเกิดจากการสูดดมแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์จากเครื่องทำน้ำอุ่นชนิดแก๊ส ซึ่งมาจากปฏิกิริยาการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ โดยทำให้เกิดอาการหน้ามืด มึนงง ขาดอากาศหายใจ หมดสติ และทำให้เสียชีวิต
การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบผู้ป่วยและเสียชีวิตขณะอาบน้ำในห้องน้ำที่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นชนิดแก๊สเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ทำให้ช่วงนี้มีประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนในภาคเหนือและสถานที่ที่มีอากาศหนาวเย็น
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ 1.ระบบระบายอากาศในห้องน้ำไม่เหมาะสม เช่น ไม่มีหรือมีเพียงช่องหน้าต่างเล็กๆ ไม่มีพัดลมระบายอากาศ 2.อาบน้ำหรือทำกิจกรรมในห้องน้ำเป็นเวลานาน 3.อาบน้ำเป็นลำดับท้ายๆ โดยมีการอาบน้ำต่อเนื่องกันหลายคน และไม่ได้เปิดประตูให้มีการระบายอากาศเพียงพอก่อนที่คนต่อไปจะเข้าไปอาบ 4.มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคระบบทางเดินหายใจ หรือสุขภาพไม่แข็งแรง และ 5.ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นชนิดใช้ก๊าซที่ไม่ได้มาตรฐาน (มอก.) ที่กำหนด
กรมควบคุมโรค จึงขอแนะนำให้ผู้ประกอบการที่พัก รีสอร์ท สถานที่ปฏิบัติธรรม และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ตรวจสอบและติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นชนิดแก๊สที่ได้มาตรฐาน ติดป้ายเตือนความเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น พร้อมบอกวิธีลดความเสี่ยง เช่น ไม่ควรใช้เครื่องทำน้ำอุ่นนานเกิน 10-15 นาที ถ้าใช้เครื่องทำน้ำอุ่นไม่ควรอาบน้ำต่อเนื่องกัน ติดป้ายวิธีใช้งานของเครื่องทำน้ำอุ่นไว้อย่างชัดเจน และติดตั้งในห้องที่มีช่องระบายอากาศเพียงพอ มีพัดลมระบายอากาศ หรือติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นชนิดแก๊สไว้ด้านนอกอาคาร เป็นต้น ประชาชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422