นายกฯเซ็นคำสั่งแก้กม.พรรคการเมือง ลั่นให้ทุกคนเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงหลังเทศกาลปีใหม่

ข่าวทั่วไป Saturday December 23, 2017 11:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนามในคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 53/2560 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งนับเป็นการแก้กฎหมายเพื่อผ่อนคลายการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการเมือง ก่อนจะนำไปสู่การปลดล็อคทั้งหมดในที่สุด

ทั้งนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งดังกล่าว โดยระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้ข้อ 1. ให้ยกเลิกความในมาตรา 140 มาตรา 141 และมาตรา 142 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“มาตรา 140 ให้พรรคการเมืองที่จัดตั้งหรือเป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 และยังดำรงอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ เป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ และให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองดังกล่าวที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 เป็นสมาชิก และยังคงเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นต่อไป และให้สมาชิกซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 และประสงค์จะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นต่อไปมีหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกต่อหัวหน้าพรรคการเมืองนั้น พร้อมทั้งแสดงหลักฐานการมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 และชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 เมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว สมาชิกผู้ใดมิได้มีหนังสือแจ้งยืนยันการเป็นสมาชิก ให้เป็นอันพ้นจากสมาชิกของพรรคการเมืองนั้น และให้พรรคการเมืองแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ พ้นกำหนดเวลาดังกล่าว

มาตรา 141 ในวาระเริ่มแรก ให้พรรคการเมืองตามมาตรา 140 ดำเนินการในเรื่องและภายในระยะเวลา ดังต่อไปนี้

(1) จัดให้มีทุนประเดิมจำนวนหนึ่งล้านบาท และแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561

(2) จัดให้สมาชิกซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 จำนวนไม่น้อยกว่าห้าร้อยคนชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองสำหรับปี พ.ศ. 2561 ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 และให้พรรคการเมืองแจ้งให้คณะกรรมการทราบพร้อมด้วยหลักฐานแสดง การชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองสำหรับปีที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับภายใน สิบห้าวันนับแต่วันพ้นระยะเวลาชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองดังกล่าว

(3) จัดให้สมาชิกซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 ชำระเงินค่าบำรุงพรรคการเมืองให้ได้จำนวนไม่น้อยกว่าห้าพันคนภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 และให้ได้จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นคนภายในสี่ปีนับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 เมื่อพ้นระยะเวลา สี่ปีดังกล่าวแล้วให้สมาชิกภาพของสมาชิกที่มิได้ชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองเป็นอันสิ้นสุดลง และให้นายทะเบียนสมาชิกแจ้งให้นายทะเบียนทราบ ตามรายการและวิธีการที่นายทะเบียนกำหนด

(4) จัดให้มีการประชุมใหญ่เพื่อแก้ไขข้อบังคับและจัดทำคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคการเมืองและนโยบายของพรรคการเมืองให้ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ และเลือกหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิก และกรรมการบริหารอื่นของพรรคการเมือง ตามข้อบังคับของพรรคการเมือง ที่แก้ไขใหม่ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่มีการยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 57/2557 เรื่อง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป ลงวันที่ 7 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ลงวันที่ 1 เมษายน พุทธศักราช 2558 การประชุมใหญ่ดังกล่าวนอกจากจะต้องดำเนินการตามข้อบังคับของพรรคการเมืองที่ใช้บังคับอยู่แล้ว ยังต้องมีหัวหน้า สาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่าสี่สาขา และมีสมาชิกของพรรคการเมืองซึ่งรวมกันแล้วมีจำนวน ไม่น้อยกว่าสองร้อยห้าสิบคน เข้าร่วมประชุมและมีสิทธิลงคะแนนเสียงในการแก้ไขข้อบังคับและ เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคด้วย

(5) จัดตั้งสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดให้ครบถ้วนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ พร้อมทั้งแจ้งรายการตามมาตรา 33 และมาตรา 35 ภายในกำหนดเวลาตาม (4) ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าพรรคการเมืองไม่สามารถดำเนินการตามวรรคหนึ่งได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด คณะกรรมการอาจมีมติให้ขยายระยะเวลาตามวรรคหนึ่งออกไปได้อีกหนึ่งเท่าของระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละเรื่อง เมื่อครบระยะเวลาตามวรรคหนึ่งหรือครบระยะเวลาที่คณะกรรมการ มีมติให้ขยาย แล้วแต่กรณี ให้พรรคการเมืองที่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จสิ้นสภาพลง ทั้งนี้ ระหว่างเวลาที่พรรคการเมืองยังปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง (1) (2) (4) และ (5) ไม่ครบถ้วนจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่ได้

การวินิจฉัยเรื่องใด ๆ ตามมาตรานี้ที่มีผลกระทบต่อพรรคการเมือง ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการที่จะวินิจฉัย ในกรณีที่พรรคการเมืองไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้ยื่น คำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยได้ภายในหกสิบวันนับแต่วันได้รับทราบคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ

มาตรา 142 ในระหว่างที่พรรคการเมืองใดยังดำเนินการตามมาตรา 141 วรรคหนึ่ง (1) (2) (4) และ (5) ไม่ครบถ้วน ห้ามมิให้จัดสรรเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองให้แก่พรรคการเมืองนั้น"

ข้อ 2. ให้ยกเลิกความในมาตรา 144 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

"มาตรา 144 ในการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกที่มีขึ้น ภายหลังจากวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ หากพรรคการเมืองใดยังมีสาขาพรรคการเมืองไม่ครบถ้วนตามมาตรา 33 ให้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 49 ของพรรคการเมืองดังกล่าว ประกอบด้วยกรรมการบริหารพรรคการเมืองจำนวนสี่คน และหัวหน้าสาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ซึ่งเลือกกันเองจนครบจำนวนเจ็ดคน ในกรณีที่พรรคการเมืองใดมีหัวหน้าสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดรวมกัน ไม่ถึงเจ็ดคน ให้พรรคการเมืองจัดให้มีการเลือกตัวแทนสมาชิกเพื่อให้ได้จำนวนที่ยังขาดอยู่จนครบจำนวนเจ็ดคน ทั้งนี้ การเลือกกันเองของหัวหน้าสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดหรือการเลือกตัวแทนสมาชิกให้เป็นไปตามข้อบังคับ"

ข้อ 3. ให้ยกเลิกวรรคสองของมาตรา 146 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560

ข้อ 4. ในการดำเนินการตามมาตรา 140 และมาตรา 141 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้พรรคการเมืองตามมาตรา 140 จัดให้มีการประชุมใหญ่ตามมาตรา 141 (4) รวมทั้งการจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองและตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัดตามมาตรา 141 (5) การประชุมสมาชิกพรรคการเมือง หรือ การดำเนินการอื่นใดในทางการเมืองนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในคำสั่งนี้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้นำข้อห้ามตามข้อ 2 แห่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 57/2557 ลงวันที่ 7 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 และข้อ 12 แห่งคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เมษายน พุทธศักราช 2558 มาใช้บังคับ

ข้อ 5. เพื่อให้การจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่สามารถดำเนินการทางธุรการและมีโอกาสเตรียมการเพื่อเข้าสู่ช่วงเวลาการทำกิจกรรมทางการเมืองไปพร้อมกับพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นก่อนแล้ว ให้ผู้ที่ประสงค์จะจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ดำเนินการตามหมวด 1 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2561 แต่การประชุม เพื่อยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองตามมาตรา 10 ต้องได้รับอนุญาตจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติและให้ดำเนินกิจกรรมได้เท่าที่ได้รับอนุญาตหรือตามเงื่อนไขที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติกำหนด

ข้อ 6. ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือนายทะเบียนพรรคการเมืองมีอำนาจกำหนด โดยทำเป็นประกาศ ระเบียบ หรือคำสั่ง แล้วแต่กรณี เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งนี้ และจะกำหนดให้ การที่พรรคการเมืองจะต้องแจ้งหรือรายงานเรื่องใดต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือนายทะเบียน พรรคการเมืองอาจกระทำโดยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์แทนการมายื่นด้วยตนเองก็ได้

ข้อ 7. ในกรณีมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 หรือคำสั่งนี้ ให้หารือคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แล้วแต่กรณี

ข้อ 8. เมื่อมีการประกาศพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกกฎหมาย ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อันเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของพรรคการเมือง และร่วมกันจัดทำแผนและขั้นตอนการดำเนินการทางการเมือง เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยให้หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และจะเชิญผู้แทนพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองต่าง ๆ เข้าหารือด้วยก็ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในรายการ"ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน"ผ่านสถานีโทรทัศน์ เมื่อดึกวานนี้ว่า หลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่ ก็ขอให้ทุกคนเตรียมความพร้อม มีกำลังกาย กำลังใจ สติปัญญา ในการที่จะเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง สิ่งดี ๆ ก็กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งอยากให้ทุกคนได้ภาคภูมิใจว่า จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ที่ทุกคนได้ร่วมกันสร้างมา ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาก็คงจะมีสิ่งดี ๆ ค่อย ๆ ทยอยออกมา อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หากระบุถึง"ของขวัญ" แล้วรัฐบาลและ คสช. ไม่ได้รอที่จะมอบให้กับพี่น้องประชาชน เฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ แต่จะมอบให้ทุก ๆ วัน โดยจะเร่งมือในการทำงาน ในทุกประเด็น ทุกมิติ ทั้งแก้ไขปัญหาทั้งที่เริ่มใหม่ แล้วก็ดำเนินทุกอย่างให้เกิดความต่อเนื่อง ยั่งยืน หลายสิ่งที่ลงมือทำไปแล้ว ลงมือแก้ปัญหาไปแล้ว ตลอดระยะเวลา 3 ปี บางอย่างบรรลุผลไปแล้ว เช่น การ "ปลดธงแดง" ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งมีความก้าวหน้ามาไปตามลำดับ ,การต่อสู้กับการค้ามนุษย์ ซึ่งจากสถานการณ์การค้ามนุษย์ตามรายงาน TIP Report ของสหรัฐฯ ไทยได้หลุดจาก "ระดับ 2 ที่ถูกจับตามอง" (Tier 2 Watch list) ,ผลการประกาศสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทย จากสหรัฐฯ ได้ถอดประเทศไทยออกจาก "กลุ่มประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ" ให้อยู่เพียงใน "กลุ่มบัญชีจับตาธรรมดา" เป็นต้น

นอกจากนั้นแล้วการขับเคลื่อนประเทศ ด้วย 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญของ "ไทยแลนด์ 4.0" โดยระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แล้วก็นำร่องอีก 10 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ในอนาคต ส่วนหนึ่งของตัวชี้วัดของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สะท้อนให้เห็นลู่ทางที่สดใส มีสถิติการลงทุนที่น่าสนใจอย่างมาก ในระยะ 3 ปี ที่ผ่านมา ของรัฐบาลนี้ อาทิ มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุน ทั่วประเทศ กว่า 6,300 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 2.7 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC เกือบ 1,700 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 1.3 ล้านล้านบาท หรือ 1 ใน 3 ของโครงการทั่วประเทศ ซึ่งก็มีมูลค่าเกือบ "ครึ่งหนึ่ง" ที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ

"เราต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ จะสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้เพิ่มขึ้นในพื้นที่ แล้วเชื่อมโยงไปยังภายนอกด้วย ผมเห็นมาแล้วนะครับโดยเราแยกเป็น 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเดิม คือการเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ท่องเที่ยว อาหารแปรรูป ซึ่งเรามีอยู่แล้ว แต่เราทำให้ทันสมัยขึ้นด้วย มีการขยายกิจการ เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ อะไรใหม่ ปรับปรุงเครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องจักรเหล่านี้ รวมกว่า 1,800 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 1 ล้านล้านบาท และ 5 กลุ่มอุตสาหกรรม "ใหม่" ที่เราเรียกว่า New S Curve ได้แก่ ดิจิทัล การแพทย์ ปิโตร เคมี เครื่องจักรอัตโนมัติและหุ่นยนต์ อากาศยาน เกือบ 1,500 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 0.3 ล้านล้านบาท เหล่านี้เป็นต้น อันนี้ก็เป็นการลงทันเตรียมการเพื่ออนาคต เพื่อรองรับสังคมสูงวัย การขาดแคลนแรงงานในอนาคตด้วย เราต้องทำทั้ง 2 อย่างด้วยกัน เราทิ้งอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวได้เป็นผลมาจากความมีเสถียรภาพทางการเมือง ความสงบเรียบร้อย ปลอดภัยในช่วงที่ผ่านมานี้ และจาการที่มีนโยบายที่ชัดเจน มีการบริหารประเทศอย่างมียุทธศาสตร์จนเกิดความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่ต้องการความมั่นใจ ในการที่จะนำเงินมหาศาลเข้ามาลงทุนในประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ