นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า หย่อมความกดอากาศต่ำที่อ่อนกำลังลงจากพายุ “ไคตั๊ก" ปกคลุมประเทศมาเลเซีย คาดว่าในวัน 24 ธันวาคม 2560 หย่อมความกดอากาศต่ำดังกล่าวจะสลายตัว ส่งผลให้ให้ในช่วงวันที่ 24 – 25 ธันวาคม 2560 ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกเพิ่มขึ้น และฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการ เผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย อีกทั้งขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรง และคลื่นสูง 2 – 4 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณชายฝั่งระมัดระวังอันตรายจากคลื่นซัดฝั่ง ชาวประมงให้เดินเรือด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ จากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน – 24 ธันวาคม 2560 ทำให้เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ ปัตตานี ยะลา สงขลา พัทลุง ตรัง สตูล ชุมพร นราธิวาส นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และกระบี่ รวม 123 อำเภอ 835 ตำบล 6,187 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 598,568 ครัวเรือน 1,906,786 คน เสียชีวิต 38 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 9 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ สตูล ยะลา นราธิวาส ชุมพร ปัตตานี ตรัง สงขลา และพัทลุง ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 2 จังหวัด รวม 4 อำเภอ 31 ตำบล 315 หมู่บ้าน 21,566 ครัวเรือน 50,456 คน ประกอบด้วย ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชะอวด อำเภอเชียรใหญ่ และอำเภอหัวไทร รวม 20 ตำบล 269 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 19,142 ครัวเรือน 40,100 คน ลุ่มน้ำตาปี 1 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอพุนพิน รวม 11 ตำบล 46 หมู่บ้าน 7 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,424 ครัวเรือน 10,356 คน
ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดยแจกจ่ายถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค และน้ำดื่ม จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับผู้อพยพ พร้อมระดมทรัพยากรและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ทั้งรถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้าส่องสว่าง รถบรรทุก รถสุขาเคลื่อนที่ เรือท้องแบน และเครื่องสูบน้ำ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุทกภัย และช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่