นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันจันทร์นี้ (29 ม.ค.) จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อขอให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ,ผู้ว่า สตง. ดำเนินการตรวจสอบร่วมกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) โดยได้กำหนดให้มีการเลื่อนการบังคับใช้ออกไป 90 วัน อันมีผลให้ต้องมีการเลื่อนการเลือกตั้งจากเดือน พ.ย.61 ออกไปเป็นประมาณเดือน ก.พ.62 โดยจะขอให้ลงโทษ 231 สนช. ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 244 และ มาตรา 245 บัญญัติไว้
ทั้งนี้ มองว่าการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปตามโรดแมพที่นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (สนช.) เคยให้คำมั่นสัญญาต่อนานาอารยประเทศและสังคมไทย
การใช้อำนาจของ สนช. เป็นการบัญญัติกฎหมายการเลือกตั้งส.ส. ที่ไม่เคยปรากฎรูปแบบดังกล่าวเลยนับตั้งแต่มีการบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส. นับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นต้นมา ทั้งนี้ การที่ สนช. ใช้อำนาจเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไป จะทำให้ สนช.ได้รับประโยชน์จากเงินประจำตำแหน่งและผลประโยชน์ตอบแทนอื่นอีกคนละ 1-2 แสนบาทต่อเดือน ต่อไปอีก มากกว่า 3-4 เดือนหรือจนกว่าจะมีการเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรก ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติเสียหายจากระบบการเงินการคลัง
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเชื่อว่า สนช.ทั้ง 213 คนจงใจใช้อำนาจไปในทางเอื้อประโยชน์ให้กับ คสช. และตนเอง อันเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ และจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายหลายประการ หรืออาจทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เพราะอาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองใหม่บางพรรคที่ส่อไปในทางสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วย