นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 2-8 เมษายน 2561 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 25 จังหวัด 61 อำเภอ 111 ตำบล 256 หมู่บ้าน 1 ชุมชน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 1,503 หลัง ซึ่งปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค และอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน รวมถึงให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนแล้ว
สำหรับบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบจากวาตภัยมีทั้งสิ้น 1,503 หลัง แยกเป็น ภาคเหนือ 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 12 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่อาย อำเภอฝาง อำเภอไชยปราการ อำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอหางดง อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอดอยหล่อ อำเภอดอยเต่า อำเภอแม่วาง อำเภอสันป่าตอง และอำเภอสารภี รวม 26 ตำบล 105 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 462 หลัง ลำพูน เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองลำพูน รวม 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 250 หลัง พะเยา เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก อำเภอเมืองพะเยา และอำเภอเชียงม่วน รวม 5 ตำบล 20 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 192 หลัง
ลำปาง เกิดวาตภัยในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภองาว อำเภอวังเหนือ อำเภอแม่พริก อำเภอเถิน อำเภอเสริมงาม อำเภอห้างฉัตร อำเภอเมืองปาน และอำเภอแจ้ห่ม รวม 12 ตำบล 21 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 172 หลัง นครสวรรค์ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพยุหะคีรี และอำเภอไพศาลี รวม 3 ตำบล 7 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 24 หลัง เพชรบูรณ์ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอหนองไผ่ รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 23 หลัง แม่ฮ่องสอน เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอขุนยวม และอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน รวม 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 14 หลัง น่าน เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอปัว รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 8 หลัง
แพร่ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอร้องกวาง และอำเภอลอง รวม 3 ตำบล 12 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 12 หลัง เชียงราย เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอพาน รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 3 หลัง และตาก เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภออุ้มผาง รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 2 หลัง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพล และอำเภออุบลรัตน์ รวม 2 ตำบล 7 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 90 หลัง หนองบัวลำภู เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก อำเภอศรีบุญเรือง อำเภอนากลาง และอำเภอเมืองหนองบัวลำภู รวม 10 ตำบล 11 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 30 หลัง อุดรธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกุดจับ อำเภอหนองวังซอ และอำเภอเมืองอุดรธานี รวม 11 ตำบล 12 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 27 หลัง
สกลนคร เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอสว่างแดนดิน รวม 1 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 22 หลัง เลย เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาแห้ว อำเภอภูเรือ และอำเภอภูหลวง รวม 3 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 20 หลัง มหาสารคาม เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอกันทรวิชัย รวม 1 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 9 หลัง กาฬสินธุ์ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคำม่วง อำเภอกมลาไสย และอำเภอฆ้องชัย รวม 3 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 8 หลัง นครราชสีมา เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเทพารักษ์ รวม 2 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 5 หลัง และบุรีรัมย์ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองบุรีรัมย์ รวม 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 5 หลัง
ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา เกิดวาตภัยในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพนมสารคาม อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา อำเภอบางปะกง และอำเภอท่าตะเกียบ รวม 7 ตำบล 8 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 57 หลัง ชัยนาท เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสรรพยา อำเภอเมืองชัยนาท และอำเภอสรรคบุรี รวม 5 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 28 หลัง อ่างทอง เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอโพธิ์ทอง รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 20 หลัง และลพบุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอชัยบาดาล รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 10 หลัง ภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอนาเดิม รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 10 หลัง ซึ่ง ปภ. ได้ประสานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนแล้ว
จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 8 เมษายน 2561 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังคงมีพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักบางพื้นที่ คลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง คลื่นสูง 2 – 3 เมตร ปภ.จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศ ระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง อยู่ให้ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงในช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง รวมถึงประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักและคลื่นลมแรงในระยะนี้
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป