นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือเอสซีจี เปิดเผยว่า โครงการสานพลังประชารัฐ-การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ ซึ่งเป็นความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชนให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยตามแผนการพัฒนาแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชน และการพัฒนาบึงน้ำสาธารณะ ซึ่งการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชน จะก่อสร้างที่พักอาศัยทั้งสิ้น 197 ยูนิต เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 60 ยูนิต อาคารชุดพักอาศัย 4 ชั้น 3 อาคาร 133 ยูนิต และบ้านกลางสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มีผู้ดูแล ไม่มีรายได้ อีก 4 ยูนิต โดยจัดพื้นที่ส่วนกลางสำหรับกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งระบบสาธารณูปโภคส่วนกลาง คาดว่าในส่วนของที่พักอาศัยจะแล้วเสร็จในปี 2563 จากนั้นจึงจะพัฒนาบึงน้ำสาธารณะเพื่อการใช้ประโยชน์ต่อไป โดยใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 600 ล้านบาท
"เอสซีจี มุ่งหวังที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชนให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อีกทั้งได้เล็งเห็นว่า ปัจจุบันบึงบางซื่อเป็นพื้นที่ใจกลางเมือง ที่มีบึงน้ำขนาดใหญ่ สามารถใช้เป็นแก้มลิงเพื่อป้องกัน น้ำท่วม ทั้งยังเป็นปอดและแหล่งพักผ่อนของคนกรุงเทพฯ ได้ จึงต้องการมอบที่ดินผืนนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมเมื่อมีโครงการสานพลังประชารัฐเข้ามาช่วยสนับสนุน ทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2559 เน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนบึงบางซื่อเป็นหัวใจสำคัญ"นายรุ่งโรจน์ กล่าว
อนึ่ง เมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิด "โครงการสานพลังประชารัฐ-การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ" ณ พื้นที่บึงบางซื่อ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน และชุมชน ได้แก่ เอสซีจี สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย สำนักงานเขตจตุจักร สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กรุงเทพมหานคร และกรมธนารักษ์
นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า โครงการสานพลังประชารัฐ-การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 61 ไร่ ในอดีตเมื่อ 100 ปีที่แล้ว เคยเป็นแหล่งวัตถุดิบในการผลิตปูนซีเมนต์ของโรงงานปูนซีเมนต์บางซื่อ ซึ่งสมัยนั้นนับว่าอยู่ห่างไกลจากใจกลางเมืองอย่างมาก เอสซีจี จึงได้จัดสร้างบ้านพักให้กับคนงานและครอบครัวในบริเวณโดยรอบ จนเมื่อหยุดการใช้งานในปี 2511 จึงได้ปรับเป็นพื้นที่บึงน้ำสาธารณะ จากนั้นมีผู้ทยอยเข้ามาสร้างที่พักอาศัยเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ประกอบด้วย 5 ชุมชน รวมประมาณ 250 หลังคาเรือน มีประชากรประมาณ 1,300 คน มีสภาพความเป็นอยู่แออัด ไม่สามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานได้ อาทิ น้ำประปา ไฟฟ้า การจัดการขยะ ถนนเข้าออก และเกิดปัญหาต่างๆ หลายประการ
โครงการนี้ มุ่งหวังให้เป็นต้นแบบการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน 4 ด้าน คือ หนึ่งใน "ต้นแบบโครงการสานพลังประชารัฐ" ที่ขับเคลื่อนโดยพลังประชารัฐอย่างแท้จริง ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับชุมชน "ต้นแบบที่อยู่อาศัยชุมชนเมือง" ที่คำนึงถึงการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าจากที่ดินใจกลางเมืองที่มีราคาสูง ออกแบบให้เหมาะกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน จึงจัดให้มีพื้นที่ส่วนกลาง โดยมีข้อตกลงร่วมกัน เพื่อลดโอกาสความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้พื้นที่ เช่น สนามเด็กเล่น ลานอเนกประสงค์ พื้นที่สีเขียว รวมทั้งสร้างบ้านกลางให้ผู้สูงวัยที่อยู่อาศัยเพียงลำพัง มีปัญหาสุขภาพและไม่สามารถผ่อนสินเชื่อได้
"ต้นแบบการมีส่วนร่วมของผู้อยู่อาศัย" ที่เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการออกแบบตามวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบบ้านที่เหมาะสมกับจำนวนสมาชิก การวางผังบ้านที่ให้ความเป็นธรรมในเรื่องทำเล การประกอบอาชีพ และข้อจำกัดส่วนบุคคล จึงทำให้มีที่อยู่อาศัยทั้งแบบอาคารชุดและบ้านพื้นราบ การจัดระบบเลือกตำแหน่งบ้านที่รักษาความผูกพันในชุมชน รวมทั้งบริหารจัดการการอยู่อาศัยในอนาคตเมื่อทุกคนเข้ามาร่วมกัน นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้ชุมชนเกิดการออมทรัพย์ เพื่อให้สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ในการสร้างที่อยู่อาศัยของตนเอง โดยในช่วงเวลา 1 ปี 8 เดือน ชุมชนออมได้แล้วกว่า 6 ล้านบาท และ "ต้นแบบบึงน้ำสวนสาธารณะ" เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นบึงน้ำ สามารถพัฒนาเป็นแก้มลิงของกรุงเทพฯ ช่วยแก้น้ำท่วม ทั้งยังสามารถพัฒนาให้เป็นบึงน้ำสวนสาธารณะที่มีความร่มรื่น สวยงาม เหมาะเป็นสถานที่ออกกำลังกาย แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ
ทั้งนี้ ความร่วมมือประกอบด้วย พอช. สนับสนุนสินเชื่อเพื่อให้ชุมชนมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้าน สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สนับสนุนงบประมาณดำเนินงาน 200 ล้านบาท ช่วยเติมเต็มให้ชุมชนได้บ้านที่เสร็จสมบูรณ์ มีสวนและพื้นที่ส่วนกลาง รวมทั้งมีระบบสาธารณูปโภคที่ครบถ้วน การรถไฟแห่งประเทศไทย อนุญาตให้เช่าใช้ที่ดินเป็นทางเข้า-ออก สำนักงานเขตจตุจักร อนุญาตการก่อสร้างในพื้นที่ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สร้างการมีส่วนร่วมและความเข้มแข็งให้กับชุมชน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สนับสนุนการปรับปรุงสะพานปากทางถนนเข้า-ออกกรุงเทพมหานคร แสดงเจตนารมณ์ร่วมพัฒนาบึงน้ำสวนสาธารณะ กรมธนารักษ์ รับมอบและดูแลที่ดินจากเอสซีจี ซึ่งจะเป็นหลักประกันที่มั่นคงต่อชุมชนสืบไป