นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วันที่ 1 พ.ค.61 เป็นกำหนดเวลาเริ่มต้นฤดูการเพาะปลูก กรมชลประทานจะส่งน้ำให้กับเกษตรกรเพื่อทำการเพาะปลูกข้าวนาปีในพื้นที่ลุ่มต่ำ 12 ทุ่ง ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ครอบคลุมพื้นที่ 1.15 ล้านไร่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะใช้เป็นพื้นที่แก้มลิงรองรับปริมาณน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากในเดือน ก.ย.-ต.ค.เพื่อลดผลกระทบจากอุทกภัยในลุ่มน้ำจ้าพระยาและพื้นที่ข้างเคียง
สำหรับผลจากการปรับปฏิทินการเพาะปลูกข้าวนาปี เมื่อปี 2560 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถลดความเสียหายในหลายๆ ด้าน จึงต้องสร้างความตระหนักรู้ให้กลุ่มผู้ใช้น้ำเข้าใจถึงความสำคัญของการบริหารจัดการน้ำอย่างต่อเนื่อง
"การส่งน้ำให้เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มต่ำเร็วขึ้นจะช่วยลดผลกระทบความเสียหายจากน้ำท่วม ใช้พื้นที่เป็นแก้มลิงธรรมชาติในการเก็บกักน้ำในฤดูน้ำหลากช่วยชะลอน้ำได้ 1,500 ล้าน ลบ.ม.แล้ว เกษตรกรยังจะมีรายได้เสริมจากการประกอบอาชีพประมงด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะใช้โมเดลดังกล่าว ขยายผลไปดำเนินการในภาคอีสานและภาคใต้ต่อไป" นายกฤษฎา กล่าว
นอกจากนี้ รมว.เกษตรฯ ยังได้โอกาสตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการดำเนินงานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรประจำอำเภอ จำนวน 8 ศูนย์ ซึ่งตัวอย่างกลุ่มเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่ กลุ่มแปลงใหญ่ข้าวบ้านหนองตาดำ-โพธิ์เจริญ เป็นกลุ่มเกษตรกรที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวจำหน่ายในชุมชนโดยมีเป้าหมายในการลดต้นทุนการผลิต และผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว และข้าวคุณภาพดี ปัจจุบันมีสมาชิก 56 ราย พื้นที่ 1,379 ไร่ สินค้าหลัก ได้แก่ เมล็ดพันธุ์ข้าว และข้าวบริโภค โดยปัจจุบันผลการดำเนินงานในปีการผลิต 2560/61 สมาชิก 70% สามารถลดต้นทุนการผลิตจาก 4,850 บาท/ไร่ เหลือ 3,952 บาท/ไร่ ลดลงเฉลี่ยไร่ละ 898 บาท (18.51%)
ทั้งนี้ ผลจากการรวมกลุ่มผลิตเป็นแปลงใหญ่ จะทำให้กลุ่มเกษตรกรเข้าถึงการสนับสนุนของภาครัฐในด้านต่างๆได้มากขึ้น เช่น การรับการถ่ายทอดความรู้ การสนับสนุนปัจจัยการผลิตที่เหมาะสม การสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อเป็นศูนย์ให้บริการเครื่องจักรกลเกษตรในชุมชน รวมถึงมีโอกาสในการพัฒนาต่อยอดในเชิงธุรกิจจากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรอีกด้วย