นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 และนายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 7 ร่วมกันแถลงข่าวกรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) พร้อมพวกรวม 4 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
นายสมเจตน์ กล่าวว่า สำนักงานอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายเปรมชัยเพิ่มเติมตามที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ทำความเห็นแย้งส่งไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา และให้ยืนตามคำฟ้องเดิมรวม 6 ข้อหา ได้แก่ ร่วมกันพาอาวุธปืนเข้าไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า, ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง, ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่า, ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นซากสัตว์ป่า และร่วมกันเก็บหาของป่า
ด้านนางสมศรี กล่าวว่า ส่วน 3 ข้อหาอัยการมีความเห็นไม่สั่งฟ้องเพิ่มเติม คือ ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ และร่วมกันพยายามล่าสัตว์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต (กระรอก) เนื่องจากเห็นว่าเป็นโทษทางปกครอง ส่วนโทษทางอาญาไม่มีกฎหมายบัญญัติ
ทั้งนี้มีความเห็นสั่งฟ้องนายยงค์ โดดเครือ เหมือนกับนายเปรมชัย แต่เพิ่มข้อหาร่วมกันมีปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, สั่งฟ้องนางนที เรียมแสน 5 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร 3.ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย และ 5.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต และสั่งฟ้องนายธานี ทุมมาศ เหมือนนายเปรมชัย แต่เพิ่ม 2 ข้อหา คือ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนกรณีที่นายเปรมชัยได้ร้องขอความเป็นธรรม 2 ครั้ง ในประเด็นสถานที่อยู่ของนายเปรมชัยในวันที่เกิดเหตุ และขอให้สอบปากคำเพิ่มเติม นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ 3 คน รวมถึงบุคคลภายนอก สำนักงานอัยการภาค 7 ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นการประวิงคดี และที่ผ่านมาได้สั่งให้พนักงานสอบสวนให้สอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐานไปครบถ้วนหมดแล้ว คำร้องดังกล่าวจึงไม่เป็นเหตุให้ต้องสอบสวนเพิ่มเติม
สำหรับค่าเสียหายทางคดีอาญา อัยการสูงสุดเห็นควรเพิ่มค่าเสียหายให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จากเดิมที่อัยการภาค 7 ให้ร่วมกันชดใช้จำนวน 462,000 บาท เป็น 3,012,000 บาท
โดยอัยการภาค 7 จะนำสำนวนและคำฟ้องไปยื่นฟ้องนายเปรมชัยกับพวกไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิภายในวันนี้