นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า พื้นที่ประเทศไทยมีประมาณ 320.7 ล้านไร่ แบ่งเป็นที่ดินเอกชนร้อยละ 40 และที่ดินรัฐร้อยละ 60 ซึ่งเป็นที่ดินเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก) ประมาณ 40 ล้านไร่ หรือร้อยละ 12.5 ในส่วนนี้ได้จัดที่ดินแล้ว 35.84 ล้านไร่ เกษตรกร 2.82 ล้านราย ให้ไปพิจารณาดูว่าในจำนวนนี้ประกอบอาชีพเกษตรมีรายได้อย่างไร รวมถึงให้ตรวจสอบว่าในจำนวนนี้ยังปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎหมายของ ส.ป.ก. หรือไม่ เช่น มีการนำพื้นที่ไปเช่าต่อหรือไม่ เพราะหากขาดคุณสมบัติจะได้มีการจัดสรรที่ดินใหม่ให้กับผู้ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย ขณะเดียวกันยังมอบให้ ส.ป.ก.ปฏิบัติหน้าที่ตามมติคณะกรรมการจัดที่ทำกินแห่งชาติ (คทช.) ที่มุ่งส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้กับบุคคลที่ได้รับที่ดิน
โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลอาชีพ รายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรจำนวนนี้ว่าปัจจุบันมีความเป็นอยู่อย่างไร พร้อมทั้งตรวจสอบว่าปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมายหรือไม่ หากขาดคุณสมบัติจะต้องนำมาจัดสรรใหม่ นอกจากนี้ ต้องดำเนินงานตามนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนของรัฐบาล หรือ คทช.โดยการส่งเสริมพัฒนาอาชีพตามศักยภาพของพื้นที่
"จำนวนที่ดิน 40 ล้านไร่ จากที่มีจำนวนเกษตรกรอยู่แล้ว 2.8 ล้านรายว่า ให้ไปพิจารณาดูว่าในจำนวนนี้ประกอบอาชีพเกษตรมีรายได้อย่างไร รวมถึงให้ตรวจสอบว่าในจำนวนนี้ยังปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎหมายของ ส.ป.ก. หรือไม่ เช่น มีการนำพื้นที่ไปเช่าต่อหรือไม่ เพราะหากขาดคุณสมบัติจะได้มีการจัดสรรที่ดินใหม่ให้กับผู้ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย ขณะเดียวกันยังมอบให้ ส.ป.ก.ปฏิบัติหน้าที่ตามมติคณะกรรมการจัดที่ทำกินแห่งชาติ หรือ คทช. ที่มุ่งส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้กับบุคคลที่ได้รับที่ดิน"นายกฤษฎา กล่าว
สำหรับกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 3,800 ล้านบาทนั้น ให้ศึกษาดูว่าเป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายโดยสามารถนำมาจัดซื้อ หรือเช่าที่ดินเพื่อจัดสรรได้อีกจำนวนเท่าไร ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุม จึงต้องบูรณาการร่วมกับจังหวัดผ่านกลไกขับเคลื่อนของคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ (อพก.) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานเพื่อรับทราบปัญหาและหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
นอกจากนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.มีจำนวนน้อย แต่เพื่อให้งานดำเนินการตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงพระราชทานที่ดินทำกินกลุ่มแรกให้ ส.ป.ก. กว่า 4 หมื่นไร่ ดังนั้นจึงเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบในส่วน 4 หมื่นไร่นี้ก่อนว่าปัจจุบันผู้ที่ได้รับที่ดินไปมีความเป็นอยู่อย่างไร ก่อนรวบรวมข้อมูลเสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานรับทราบปัญหาเพื่อพิจารณามอบหน่วยงานอื่นๆ เช่น สำนักงานเกษตรจังหวัดและเกษตรอำเภอช่วยดูแลงานของ ส.ป.ก.ด้วย โดยให้ใช้งบประมาณของกระทรวงเกษตรฯ เป็นหลัก หรืออาจเป็นงบประมาณของโครงการไทยนิยมยั่งยืน ขณะเดียวกันหากมีเกษตรกรรายใดมีความสามารถเข้าเงื่อนไขที่จะกู้ยืมเงินจาก ธ.ก.ส.ได้ ก็ให้เจ้าหน้าที่ของ ส.ป.ก.เข้าไปช่วย ซึ่งจะทำให้การดูแลเข้าถึงเกษตรกรมากขึ้น
"ส.ป.ก.ต้องดูแลเกษตรกรและพัฒนาอาชีพควบคู่กับการจัดที่ดินทำกินเพื่อให้มีประสิทธิภาพ เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดที่ได้รับพระราชทานที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ปี 2518 ได้แก่ ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และนครนายก รวมพื้นที่ 44,000 ไร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปช่วยดูแลพัฒนาอาชีพ รายได้ และความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้นได้อย่างไร" นายกฤษฎา กล่าว