นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคไข้ฉี่หนูในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 18 มิถุนายน 2561 พบผู้ป่วยแล้ว 845 ราย ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ส่วนอาชีพที่พบสูงสุดคือ เกษตรกรรมร้อยละ 45.7 รองลงมาคืออาชีพรับจ้างร้อยละ 20.8 กลุ่มอายุที่พบว่ามีอัตราป่วยสูงสุด คือ กลุ่มอายุ 55-64 ปี รองลงมา 45-54 ปี และ 35-44 ปี ตามลำดับ จังหวัดที่มีผู้ป่วยสูงสุด 10 อันดับแรก คือ ศรีสะเกษ พังงา ตรัง ยะลา นครศรีธรรมราช เลย พัทลุง ยโสธร กาฬสินธุ์ และสุราษฎร์ธานี ตามลำดับ
สำหรับการพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่า ในช่วงที่มีฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ อาจทำให้มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคไข้ฉี่หนูเพิ่มขึ้น โดยโรคไข้ฉี่หนูเกิดจากแบคทีเรียในฉี่ของหนู โค กระบือ สุกร สุนัข ที่ติดเชื้อ เชื้อจะถูกปล่อยออกมากับปัสสาวะปนเปื้อนอยู่ตามน้ำดินที่เปียกชื้น ในแอ่งน้ำขังเล็กๆ โดยเชื้อสามารถไชเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังผ่านแผลถลอก ขีดข่วน และเยื่อบุของปาก ตา จมูก และยังไชเข้าผิวหนังปกติที่อ่อนนุ่มจากการแช่น้ำนานๆ สาเหตุสำคัญเนื่องมาจากประชาชนมีการแช่น้ำหรือโคลนเป็นเวลานานและเท้าอาจเป็นแผลทำให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ทั้งนี้ หากประชาชนมีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อภายใน 1-2 สัปดาห์หลังการเดินลุยน้ำ ควรรีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำ ลุยโคลน เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขอแนะนำประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำท่วมขังเป็นเวลานานๆหากจำเป็นควรใส่รองเท้าบู๊ท สวมถุงมือยาง ถ้ามีแผลควรปิดด้วยวัสดุกันน้ำ และไม่ควรเดินย่ำในพื้นที่ชื้นแฉะ โดยเฉพาะบริเวณแอ่งน้ำขังเล็กๆ หรือในดินโคลนช่วงทำความสะอาดบ้าน เนื่องจากปริมาณเชื้อฉี่หนูจะมีความเข้มข้นสูง ทำให้ผู้ที่มีบาดแผลหรือมีรอยถลอกที่บริเวณเท้า ขา หรือมือจะเพิ่มความเสี่ยงสูงมาก หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422"