นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์ของโรคไข้โรคไข้เลือดออกในประเทศไทย ปี 2561 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–26 มิถุนายน 2561 พบผู้ป่วย 22,539 เสียชีวิต 29 ราย กลุ่มอายุที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือกลุ่มอายุ 10–14 ปี รองลงมาคือ 5-9 ปี และ 15-24 ปี ตามลำดับ ส่วนกลุ่มนักเรียนยังคงป่วยสูงสุด ร้อยละ 47.72 รองลงมาคืออาชีพรับจ้าง (19.10)
จังหวัดที่มีอัตราป่วยสะสมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ พิจิตร ภูเก็ต กระบี่ ระยอง และนครปฐม ตามลำดับ สำหรับในสัปดาห์นี้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากกสัปดาห์ที่ผ่านมา 2,735 ราย
สำหรับการพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่าจะพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูฝน อาจเกิดน้ำขังตามภาชนะต่างๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายได้ โดยคาดการณ์ว่าในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน 2561 จะพบผู้ป่วยมากกว่า 10,000 รายต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในเดือนมิถุนายน (1-26 มิ.ย.61) จะพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกรวม 5,817 ราย ซึ่งน้อยกว่าค่าประมาณการ แต่สถานการณ์การเกิดโรคไข้เลือดออกยังมากกว่าปกติ เนื่องจาก ตั้งแต่เดือนเมษายน 2561 เป็นต้นมา พบผู้ป่วยสูงกว่ามัธยฐาน 5 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดือนพฤษภาคม 2561 พบผู้ป่วยสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปี ถึงร้อยละ 78
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่า ประชาชน ชุมชน และหน่วยงานต่างๆ ควรเน้นใช้มาตรการ "3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค" คือ 1.เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง ขัดล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำ เปลี่ยนน้ำในแจกันทุกสัปดาห์ 2.เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และนำวัสดุเหลือใช้นำไปขายเป็นรายได้เสริม เก็บแล้วรวย และ 3.เก็บน้ำ ภาชนะใส่น้ำต้องปิดฝาให้มิดชิดป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ทั้งนี้จะสามารถป้องกันได้ถึง 3 โรค ในคราวเดียวกัน คือ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และไข้ปวดข้อยุงลาย ซึ่งมาตรการนี้เป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกและโรคติดต่อนำโดยแมลงอื่นๆ ด้วยเช่นกัน