กรมป้องกันฯ ประสานจังหวัดริมแม่น้ำโขง-พื้นที่ท้ายเขื่อน เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น

ข่าวทั่วไป Friday August 3, 2018 11:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานให้จังหวัดที่อยู่ติดกับริมแม่น้ำโขงเฝ้าระวังสถานการณ์ระดับน้ำอย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมรับมือระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนพื้นที่ท้ายเขื่อนให้เฝ้าระวังและติดตามแนวทาง การบริหารจัดการน้ำ รวมถึงให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมด้านสรรพกำลังและเครื่องจักรกลสาธารณภัย รวมถึงจัดชุดเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนจัดชุดเคลื่อนที่เร็วประจำพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อให้เข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุและให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชม.

ทั้งนี้จากการติดตามสภาวะอากาศ ปริมาณฝนสะสม สถานการณ์น้ำท่า และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ พบว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายจังหวัดบริเวณริมแม่น้ำโขง ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งอยู่ในเกณฑ์มาก จำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำ อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำและพื้นที่การเกษตร กอปภ.ก. ได้ประสานให้จังหวัดที่อยู่ติดกับริมแม่น้ำโขงเฝ้าระวังสถานการณ์ระดับน้ำอย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมรับมือระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น โดยติดตั้งระบบสูบน้ำ บริหารการเปิด – ปิดประตูระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นและระบายน้ำออกตามสภาพพื้นที่ พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และจัดหาสถานที่ปลอดภัยรองรับการอพยพประชาชน

สำหรับจังหวัดที่มีการพร่องหรือระบายน้ำและจังหวัดท้ายน้ำให้นายอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารสถานการณ์ภัยในพื้นที่ผ่านวิทยุกระจายเสียง เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน ตลอดจนกำชับกำนันผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร แจ้งข้อมูลข่าวสารและสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการ

ในส่วนของพื้นที่ท้ายเขื่อนให้เฝ้าระวัง และติดตามการบริหารจัดการน้ำของหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด หากพบว่าปริมาณน้ำที่ระบายมีปริมาณมากและระดับน้ำสูงให้ชี้แจงประชาชนทราบถึงความเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงความจำเป็นในการต้องอพยพประชาชนไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย

นอกจากนี้ ให้จังหวัดประสานการปฏิบัติกับหน่วยทหารในพื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานและเครือข่ายอาสาสมัครทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด โดยเตรียมความพร้อมด้านสรรพกำลัง เครื่องจักรกลสาธารณภัย และจัดชุดเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนจัดชุดเคลื่อนที่เร็วประจำพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อให้เข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุและให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชม. สำหรับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ