กฟผ. ยืนยันน้ำจากลำห้วยบ้องตี้ที่ไหลบ่าทำให้ฝายน้ำล้นซึ่งเป็นทางสัญจรของชาวบ้านหาดงิ้ว รับน้ำไม่ไหวพังเสียหายเกิดจากฝนที่ตกหนักในพื้นที่ ไม่ได้เกิดจากการระบายน้ำของเขื่อนวชิราลงกรณ์ เนื่องจากลำห้วยบ้องตี้อยู่สูงกว่าแม่น้ำแควน้อย
นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวยืนยันว่า น้ำจากลำห้วยบ้องตี้ที่ไหลบ่าทำให้ฝายน้ำล้นซึ่งเป็นทางสัญจรของชาวบ้านหาดงิ้ว ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พังเสียหาย ไม่ได้เกิดจากการระบายน้ำของเขื่อนวชิราลงกรณ์ เนื่องจากลำห้วยบ้องตี้ซึ่งเป็นลำห้วยหนึ่งที่ไหลลงแม่น้ำแควน้อยอยู่ในพื้นที่สูงกว่าแม่น้ำแควน้อยมาก น้ำจากแม่น้ำแควน้อยจึงไม่สามารถย้อนกลับไปยังลำห้วยบ้องตี้ได้ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากฝนที่ตกหนักในพื้นที่ทำให้น้ำในลำห้วยบ้องตี้ไหลบ่าเข้าท่วมที่บ้านหาดงิ้ว เบื้องต้นหน่วยงานราชการ ทหาร และ อบต.วังกระแจะ ได้เข้าให้ความช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ 4 ส.ค.61) เขื่อนวชิราลงกรณมีการระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำ จำนวน 36 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เนื่องจากยังคงมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยมีปริมาณน้ำกักเก็บจำนวน 7,434.69 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 84 ของความจุ ซึ่งเป็นระดับน้ำสูงกว่าเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve) ประมาณ 3.1 เมตร แต่ยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 1,425 ล้าน ลบ.ม.
"กฟผ. ได้ประสานกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำของเขื่อนวชิราลงกรณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเขื่อน กฟผ. ทั่วประเทศ ซึ่งการบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามแผนการระบายน้ำของกรมชลประทานและคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ รวมทั้งของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำแต่ละจังหวัด โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดได้ทางเว็บไซต์ WATER.EGAT.CO.TH หรือ www.vrk.egat.com และแอพพลิเคชั่น EGAT Water ซึ่งสามารถดาวน์โหลดค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำได้อย่าง Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีการถ่ายทอดสดจากกล้อง CCTV ของแต่ละเขื่อนอีกด้วย"