นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนแก่งกระจานล่าสุด 5 ส.ค. 61 ว่า ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ 701 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็นร้อยละ 98 ของความจุอ่างฯ มีแผน การระบายน้ำลงลำน้ำเดิมวันละ 9.60 ล้าน ลบ.ม. และจากการประเมินสถานการณ์น้ำเขื่อนแก่งกระจานที่มีน้ำเต็มความจุ
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) ได้คำนวณปริมาตรน้ำปัจจุบัน ยังคงมีน้ำไหลเข้าอ่างฯมากกว่าการระบายน้ำออก จึงคาดว่าน้ำจะเริ่มล้น Spillway ในวันที่ 5 ส.ค. 61 เวลาประมาณ 22.00 น.คืนนี้ แต่จะไม่ทำให้เขื่อนเสียหายแน่นอน เนื่องจากปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน Spillway ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะค่อยๆ ปรับระดับน้ำขึ้น คล้ายกับการเอียงขันน้ำแต่น้อย เพื่อเทน้ำออกจากขัน ดังนั้น ต้องใช้ช่วงเวลาระยะหนึ่งกว่าน้ำจะไหลผ่าน Spillway เต็มที่ และต้องใช้เวลากว่า 12 ชั่วโมงจึงจะไหลไปถึงเขื่อนเพชรบุรี ซึ่งในขณะนี้เขื่อนเพชรบุรีจะสามารถหน่วงน้ำส่วนนี้ ได้ช่วงเวลาหนึ่ง ส่วนน้ำที่เกินจากเขื่อนเพชรบุรีต้องใช้เวลา 20 ชั่วโมงกว่าจะถึงอำเภอเมืองเพชรบุรี
ทั้งนี้ได้วางแผนเตรียมการป้องกันน้ำท่วมไว้ก่อนหน้านี้ โดยใช้บทเรียนจากปี 2559 และ ปี 2560 มาปรับใช้เตรียมความพร้อมล่วงหน้าก่อนเข้าสู่ฤดูฝน โดยดำเนินการเสริมคันกั้นน้ำแม่น้ำเพชรบุรี พร้อมทั้งตรวจสอบความแข็งแรงของอาคารชลประทานอย่างต่อเนื่อง และติดตั้งอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ ก่อนเกิดฝนตกหนัก ยังจุดเสี่ยง โดยเฉพาะจุดที่เกิดน้ำท่วม ทั้งยังทำการพร่องน้ำ เร่งระบายน้ำแม่น้ำเพชรบุรี โดยเครื่องผลักดันน้ำและเครื่องสูบน้ำ จากทุกหน่วยงาน รวมทั้งตรวจการขึ้นลงน้ำทะเล ประกอบการวางแผนการเร่งระบายน้ำโดยติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่สถานการณ์ระดับในแม่น้ำเพชรบุรี ปัจจุบัน 5 ส.ค. 61 บริเวณใต้เขื่อนเพชร ลงมาจนถึงเมืองเพชรบุรี ยังต่ำกว่าตลิ่ง เฉลี่ย 2-3 เมตร กรมชลประทานได้ทำการระบายน้ำผ่านเขื่อนเพชรบุรี ผ่านทางช่องระบายน้ำปกติ กาลักน้ำและเครื่องสูบน้ำ อยู่ที่ 115 ลบ.ม./วินาที ยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เมืองเพชรบุรี