รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า ในช่วงนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนแก่งกระจานเฉลี่ย 245 ลบ.ม.ต่อวินาที แต่อัตราการระบายน้ำสูงสุดของสปิลเวย์อยู่ที่ 1,380 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งมากกว่า 5 เท่าของปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อน ดังนั้น จึงไม่ล้นสันเขื่อนอย่างแน่นอน และเมื่อน้ำไหลเข้าสปิลเวย์ จะค่อย ๆ ไหล ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คล้ายกับการเอียงขันน้ำแต่น้อยเพื่อเทน้ำออกจากขัน และไม่ทำให้เขื่อนเสียหายแต่อย่างใด เพราะตัวเขื่อนมีความมั่นคงแข็งแรง มีการติดตั้งเครื่องมือวัดพฤติกรรมเขื่อนและตรวจสอบบำรุงรักษาตามข้อกำหนดอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้น้ำที่ไหลเข้าสปิลเวย์ต้องใช้เวลา 24 ชม. ถึงจะเข้าสู่เขื่อนเพชรบุรี และ ณ จุดนี้สามารถหน่วงน้ำได้ช่วงเวลาหนึ่ง โดยน้ำที่เกินจากเขื่อนเพชรบุรีต้องใช้เวลา 12 ชม. กว่าจะถึง อ.เมืองจ.เพชรบุรี
ส่วนสถานการณ์บริเวณใต้เขื่อนแก่งกระจานนั้น ไม่มีฝนตกหรือฝนตกสะสม โดยปริมาณน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีมีน้อยมาก ยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 150 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ 13 ล้าน ลบ.บ. ต่อวัน
ทั้งนี้ กรมชลประทานได้นำบทเรียนจากปี 2559 และปี 2560 ไปใช้เตรียมการป้องกันน้ำท่วม อ.เมืองเพชรบุรี โดยก่อนเข้าฤดูฝนได้เสริมคันกั้นน้ำแม่น้ำเพชรบุรีและย้ายเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำไปยังจุดเสี่ยง โดยเฉพาะจุดที่เคยเกิดน้ำท่วม รวมทั้งได้พร่องน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีอย่างต่อเนื่อง ตรวจสอบการขึ้นลงของน้ำทะเลเพื่อประกอบการวางแผนเร่งระบายน้ำ และติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชม. ดังนั้น จึงมั่นใจว่าจะสามารถลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนลงไปได้มาก
ขณะเดียวกันกระทรวงเกษตรฯ ยังได้ประชุมวางแผนช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วมเอาไว้แล้ว โดยกำหนดพื้นที่และหน่วยงานรับผิดชอบอย่างชัดเจน และเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ออกไปให้ความช่วยเหลือตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วนต่อไป