รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีในวันที่ 8 ส.ค.นี้ เพื่อตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการน้ำที่มาจากเขื่อนแก่งกระจาน โครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษาเพชรบุรี (เขื่อนเพชร) อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมการขยายคลองชลประทานเชื่อมต่อกับคลองระบายน้ำ D9
ในช่วงบ่ายนายกฯ จะออกเดินทางไปยังอ. บ้านแหลม โดยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อไปยังวัดคุ้งตำหนัก เพื่อตรวจเยี่ยมการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ/ระดับน้ำเปรียบเทียบ จากนั้นจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ล่าสุดปริมาณน้ำทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง สามารถระบายน้ำได้มากขึ้น แต่ในวันพรุ่งนี้ตนเองจะลงพื้นที่ติดตามแผนการบริหารจัดการน้ำว่าครบถ้วนหรือไม่ รวมถึงติดตามการบูรณาการทำงานของหน่วยงานต่างๆ หากเกิดปริมาณน้ำเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปริมาณน้ำที่อยู่ในเขื่อนและล้นสปิลเวย์ต้องใช้วิธีระบายน้ำออกเท่านั้น จึงต้องไปดูความแข็งแรงของเขื่อนในการรองรับการระบายน้ำ รวมไปถึงพื้นที่ท้ายน้ำว่าจะเกิดปัญหาอย่างไรบ้าง เพื่อกำหนดมาตรการรองรับ และเตรียมการในภาคประชาชน ซึ่งจากข้อมูลพบว่า บางพื้นที่อาจต้องอพยพประชาชนจากจุดเสี่ยงไปจุดปลอดภัย ที่สำคัญทุกคนต้องติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำฝน และสภาพอากาศทั้งหมดจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำได้เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ไว้ เพราะในขณะนี้อยู่ในช่วงมรสุม ถึงแม้จะมีปริมาณน้ำมากกว่าปกติ แต่รัฐบาลก็บริหารจัดการน้ำอย่างดี ทั้งการตัดน้ำก่อนเข้าเขื่อน กับน้ำที่ระบายลงท้ายเขื่อน พร้อมกับการทำทางระบายน้ำเพิ่มเติม เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยการเตรียมการทั้งหมดถือเป็นแผนบริหารจัดการที่ตรงตามนโยบายของตัวเองที่ให้ไว้ โดยเฉพาะการขยายและขุดทางน้ำตามธรรมชาติ เพื่อใช้ในการกักเก็บน้ำและระบายน้ำ หรือที่เรียกว่า แก้มลิง ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการชดเชยและส่งเสริมอาชีพให้ประชาชาชนที่อยู่ในพื้นที่แก้มลิงแบบเดียวกับที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งประชาชนพึงพอใจ
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การบริหารจัดการน้ำต้องคำนึงในทุกมิติ ขณะเดียวกันต้องยอมรับในเรื่องของภัยธรรมชาติด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่รัฐบาลต้องหาแนวทางและมาตรการที่ทำให้เกิดความเสียหาย หรือผลกระทบน้อยที่สุด ทั้งนี้คาดว่าสถานการณ์โดยรวมจะดีขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจกับประชาชนถึงสาเหตุที่แท้จริง และวิธีการรับมือกับสถานการณ์ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด โดยไม่ทำให้เกิดลักษณะของต่างคนต่างแจ้ง เพราะข้อมูลจะสับสนได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ตัวเองก็จะลงไปกำชับ เพื่อให้ภาพรวมการแก้ไขเป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีประสิทธิภาพ เพราะวันนี้หลายพื้นที่ได้ทำโครงการใหม่ๆไปแล้ว เช่น ที่แก่งกระจาน มีการขุดคลอง D 9 ที่ขณะนี้มีความคืบหน้าไปร้อยละ 50 แต่ตนเองได้สั่งการไปทางรองนายกรัฐมนตรี ให้เปิดการระบายออกด้านข้างด้วย ซึ่งจะสามารถลดปริมาณน้ำได้กว่า 50 ล้านลูกบาศก์เมตร เพราะหากใช้การระบายน้ำจากเขื่อนเพียงอย่างเดียวจะทำให้น้ำท่วมกินพื้นที่กว้าง และหากการระบายน้ำในพื้นที่ด้านล่างลงสู่ทะเลทำได้ดี สถานการณ์ทุกอย่างก็จะค่อยๆดีขึ้น โดยยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญและวางแนวทางบริหารจัดการน้ำมาตั้งแต่เกิดสถานการณ์