นิด้าโพล เผยผลสำรวจเรื่อง"ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อการจัดการสถานการณ์น้ำท่วมของไทย" พบประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ และยังมีความเชื่อมั่นต่อโครงสร้าง ความมั่นคง ความแข็งแรง ของเขื่อนในประเทศไทย ขณะที่ประชาชนเกือบครึ่งหนึ่งเห็นว่าการบริหารจัดการน้ำท่วม ของหน่วยงานรัฐมีประสิทธิภาพค่อนข้างมาก แต่ก็ยังมีข้อเสนอแนะให้มีการบริหารจัดการเรื่องการระบายน้ำ กับทุกเขื่อนในประเทศไทยอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีการบริหารจัดการน้ำที่มีระบบและมีประสิทธิภาพ
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง "ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อการจัดการสถานการณ์น้ำท่วมของไทย" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 8-10 สิงหาคม 2561 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษาและอาชีพทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น จำนวน 1,260 หน่วยตัวอย่าง
จากการสำรวจเมื่อถามถึงการได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2561 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 87.14 ระบุว่าไม่ได้รับผลกระทบ และร้อยละ 12.86 ระบุว่า ได้รับผลกระทบ โดยผู้ที่ระบุว่า ได้รับผลกระทบ ร้อยละ 23.46 ระบุว่า ได้รับผลกระทบมากที่สุด ร้อยละ 25.31 ระบุว่า ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ร้อยละ 38.27 ระบุว่า ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย และร้อยละ 12.96 ระบุว่า ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ด้านสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมของประเทศไทยใน ทุก ๆ ปี พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 45.63 ระบุว่า มีปริมาณน้ำฝนมากเนื่องจากฝนตกหนัก รองลงมา ร้อยละ 43.17 ระบุว่า การลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและการบุกรุกพื้นที่ป่า ร้อยละ 37.30 ระบุว่า การขยายตัวของเขตชุมชน และการทำลายระบบระบายน้ำที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ร้อยละ 28.10 ระบุว่า การบริหารจัดการของรัฐที่ไม่มีประสิทธิภาพ ร้อยละ 12.94 ระบุว่า ภูมิประเทศของประเทศไทยเป็นที่ลุ่มน้ำ ที่มีพื้นที่ติดแม่น้ำหลายสาย ร้อยละ 0.79 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ เขื่อนไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้หมด ขณะที่บางส่วนระบุว่า เป็นภัยธรรมชาติ และร้อยละ 0.56 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
สำหรับความเชื่อมั่นต่อ โครงสร้าง ความมั่นคง ความแข็งแรง ของเขื่อนในประเทศไทย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 78.73 ระบุว่า มีความเชื่อมั่น เพราะ วิศวกรมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการสร้าง ออกแบบมาอย่างดี มีความแข็งแรงคงทน และจากสถานการณ์ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยมีปัญหาเกิดขึ้น รองลงมา ร้อยละ 17.30 ระบุว่า ไม่มีความเชื่อมั่น เพราะ สร้างมาเป็นเวลานานโครงสร้างต่าง ๆ ก็เสื่อมลงตามกาลเวลา ไม่ค่อยได้ลงไปตรวจสอบคุณภาพความแข็งแรงของเขื่อนเท่าที่ควร ขณะที่บางส่วนระบุว่า ภัยธรรมชาติเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่แน่นอน และไม่สามารถควบคุมได้ และร้อยละ 3.97 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
เมื่อถามถึงประสิทธิภาพของการบริหารจัดการน้ำท่วม ของหน่วยงานรัฐ พบว่า ประชาชน ร้อยละ 14.28 ระบุว่า มีประสิทธิภาพมาก ร้อยละ 49.36 ระบุว่า มีประสิทธิภาพค่อนข้างมาก ร้อยละ 29.05 ระบุว่า ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ร้อยละ 4.29 ระบุว่า ไม่มีประสิทธิภาพเลย และร้อยละ 3.02 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ โดยผู้ที่ระบุว่า มีประสิทธิภาพค่อนข้างมาก-มาก ได้ให้เหตุผลว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการเร่งดำเนินงานอย่างเต็มที่ และหาแนวทางการป้องกันอย่างจริงจัง ส่วนผู้ที่ระบุว่า ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ-ไม่มีประสิทธิภาพเลย ให้เหตุผลว่า ไม่มีการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ช่วงหน้าฝน หรือการผันน้ำที่ดี อุปกรณ์ไม่เพียงพอ การทำงานล่าช้า และแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด
ส่วนข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดการน้ำท่วมของประเทศไทย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.37 ระบุว่า ให้มีการบริหารจัดการเรื่องการระบายน้ำกับทุกเขื่อนในประเทศไทยสม่ำเสมอ รองลงมา ร้อยละ 35.40 ระบุว่า หน่วยงานรัฐมีการบริหารจัดการน้ำที่มีระบบและมีประสิทธิภาพ ร้อยละ 30.87 ระบุว่า ติดตั้งสัญญาณเตือนภัยน้ำท่วมทุกจังหวัดที่ประสบภัยทุกปี ร้อยละ 28.41 ระบุว่า ตรวจสอบความแข็งแรงของเขื่อนทุกเขื่อนสม่ำเสมอ ร้อยละ 21.67 ระบุว่า จัดตั้งหน่วยงานช่วยเหลือด้านน้ำท่วมโดยเฉพาะ ร้อยละ 14.84 ระบุว่า จัดเวรยาม เฝ้าระวังน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง ร้อยละ 3.41 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ รณรงค์ปลูกต้นไม้ทดแทน ลดการตัดไม้ทำลายป่า มีมาตรการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่ม ขณะที่บางส่วนระบุว่า การบริหารจัดการตอนนี้ดีอยู่แล้ว และร้อยละ 3.33 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ