นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในฐานะประธาน ทปอ.กล่าวว่า ขณะนี้การจัดตั้งกระทรวงใหม่ "กระทรวงอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม" มีความคืบหน้าไปมาก หลังจากกระทรวงศึกษาธิการ ได้นำร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา ที่จัดทำเสร็จตั้งแต่เดือนเมษายน 2561 ขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ซึ่ง ทปอ.ยังคงยืนยันในหลักการที่ปรากฏในร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา เพื่อประกอบการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.การจัดตั้งกระทรวงใหม่
อย่างไรก็ตาม กระบวนการจัดตั้งกระทรวงใหม่จะต้องประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องอีก 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.วิจัยและนวัตกรรม และร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการ และยังมีความเห็นต่างกันอยู่ จึงมีความเป็นห่วงว่าการจัดตั้งกระทรวงใหม่จะล่าช้าไปจากกรอบระยะเวลาที่รัฐบาลกำหนดคือในช่วงปลายปีนี้ ทั้งนี้เพื่อให้การจัดตั้งกระทรวงใหม่ไม่ล่าช้าและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทปอ.จึงมีข้อเสนอแนะไปยังกระทรวงศึกษาธิการให้นำร่าง พ.ร.บ.ที่เหลืออีก 2 ฉบับเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ภายในเดือนสิงหาคมนี้ก่อนแล้วค่อยนำมาปรับปรุงแก้ไขในบางประเด็นที่ยังเห็นต่างกันอยู่ในภายหลัง
ประธาน ทปอ. กล่าวว่า นอกจากการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องให้ทันกรอบระยะเวลาที่กำหนด ยังมีสิ่งที่สำคัญมากในขณะนี้ คือประเด็นเกี่ยวกับโครงสร้างและกลยุทธ์ของกระทรวงใหม่ ซึ่ง ทปอ.มองว่าควรให้ความสำคัญกับการวางบทบาท ภาระหน้าที่ ตามโครงสร้างใหม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจน สามารถขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ได้ทันที หลังการควบรวมเกิดขึ้นแล้ว โดยต้องเชื่อมโยงกัน ไม่ซ้ำซ้อน และสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อการพัฒนากำลังคน สร้างผลงานวิจัยและนวัตกรรม นำไปสู่การใช้งานจริงในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับโครงสร้างของกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม ในมุมมองของ ทปอ.มีความเห็นว่าควรจัดแบ่งโครงสร้างกระทรวงเป็น 3 กลุ่มงาน ดังนี้
กลุ่มงานที่ 1 กลุ่มงานสำนักงานปลัดกระทรวงและหน่วยงานให้ทุนวิจัย กำกับดูแลนโยบาย สนับสนุนการทำงาน และการให้ทุนสนับสนุนงานวิจัย กำหนดนโยบายวางรากฐานเพื่อการพัฒนาประเทศในอนาคต (Foundation of The Future)
กลุ่มงานที่ 2 กลุ่มงานด้านการอุดมศึกษา ทำหน้าที่พัฒนากำลังคน สร้างงานวิจัย บริการวิชาการ ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ที่กำหนดไว้ใน ร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการการอุดมศึกษา มุ่งเน้นการเพิ่มบทบาทหน้าที่ในการพัฒนากำลังคนที่มีศักยภาพสูงทั้งในวัยเรียนและวัยทำงาน ปรับกระบวนการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง โดยทำงานแบบหุ้นส่วนกับภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการภายในประเทศ โดยมีเป้าหมายให้มหาวิทยาลัยสามารถทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรม ด้านงานวิจัยและพัฒนา ยกระดับศักยภาพด้านเศรษฐกิจของประเทศ เพิ่มบทบาทของมหาวิทยาลัยให้สามารถใช้ศักยภาพและสมรรถนะทำให้เกิดงานวิจัยที่มีผลกระทบและมีคุณค่าต่อประเทศสูงสุด สร้างระบบธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลัยโดยการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ เพื่อให้สังคมมีส่วนร่วม และสามารถตรวจสอบการทำงานของมหาวิทยาลัยได้
กลุ่มงานที่ 3 กลุ่มงานด้านวิจัยและนวัตกรรม มีบทบาทในการวิจัยและการสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสังคม ซึ่งต้องบูรณาการตามกรอบที่กำหนดไว้ในร่าง พ.ร.บ.การวิจัยและนวัตกรรม ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม มุ่งเน้นปฏิรูประบบวิจัยเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาพื้นฐานทางนวัตกรรมของประเทศ และระบบข้อมูลเพื่อการพัฒนาของประเทศ
"การดำเนินการของทั้ง 3 กลุ่มงาน นอกจากสำนักงานปลัดกระทรวงแล้ว ทปอ.มองว่า หน่วยงานส่วนอื่นภายใต้โครงสร้างกระทรวงจะเป็นหน่วยงานในกำกับที่มีความเป็นอิสระในการบริหารงานของตนเอง สอดคล้องกับนโยบายและกรอบยุทธศาสตร์ของประเทศที่กำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา (ซุปเปอร์บอร์ดด้านการศึกษา) และสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวนช.) เน้นหลักสนับสนุนและส่งเสริมให้การทำงานมีความคล่องตัว ใช้ความสามารถของหน่วยงานตนเองพัฒนาศักยภาพการทำงานได้สูงสุด ตามบริบทของหน่วยงานอย่างมีความรับผิดชอบ เว้นแต่กรณีที่มีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาลอย่างรุนแรงเกิดขึ้น กระทรวงอาจใช้หลักการกำกับและควบคุมได้ และที่สำคัญกระทรวงอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม จะต้องเป็นหน่วยหลักในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศให้พ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ตามยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 ซึ่งจำเป็นต้องพัฒนาทั้ง เทคโนโลยี นวัตกรรม สังคม และคนไทยไปพร้อมกัน เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างสู่เศรษฐกิจสังคมฐานนวัตกรรม และเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21" นายสุชัชวีร์ กล่าว