พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ ประกอบด้วยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมการเชื่อมต่อโครงข่ายการสัญจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เส้นทาง ล้อ ราง เรือ
โดยจุดแรกนายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมกองบังคับการตำรวจจราจร เพื่อรับฟังบรรยายสรุปปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครอันเนื่องมาจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภค นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลักการสำคัญของการแก้ไขปัญหาจราจร ในกทม.และปริมณฑล ต้องเพิ่มเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้แทนตัวบุคคล ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยจะหารือกับฝ่ายวิจัยของมหาวิทยาลัย เพื่อนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาควบคุมการจราจร พร้อมแนะให้เปิดเส้นทางเดินรถใหม่ โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนเมือง เพื่อลดความแออัด โดยขยายออกไปในพื้นที่ปริมณฑล
นอกจากนี้ เน้นการสร้างระบบเชื่อมต่อการเดินรถ หรือ ฟีดเดอร์ เพราะปัจจุบัน ระบบเดินรถทางบก ยังไม่เชื่อมต่อระบบราง ในทุกเส้นทาง ส่วนเส้นทางไหนมีทางน้ำขนาบให้ไปพิจารณาเบี่ยงไปใช้เส้นทางน้ำควบคู่ โดยกำชับให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกรุงเทพมหานครศึกษาเส้นทางสัญจรทางน้ำเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ก่อสร้างถนน ให้คำนึงถึงความปลอดภัย ของผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะพื้นที่ที่ลดช่องทางจราจร จะต้องให้สัญญาณล่วงหน้าก่อน เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ พร้อมขอให้ทุกคนเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมถึงสื่อมวลชน ต้องช่วยกันในการนำเสนอข้อมูลการจราจรที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ยังแนะนำให้เอกชน ไปสำรวจพื้นที่สร้างที่จอดรถ ใกล้กับสถานที่ที่สำคัญ และเสนอมายังรัฐบาลเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ให้หันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น และบรรเทาการจราจรติดขัดบนท้องถนน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับล่าง ที่อำนวยความสะดวกโดยปิดช่องทางการจราจรให้ตนเวลาเดินทาง แต่ขอให้ปิดเท่าที่จำเป็น แต่ถ้าไม่ได้ ก็ไม่ต้องปิด เพราะตนพร้อมติดไปกับทุกคน
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การแก้ไขปัญหาจราจร เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ และถือเป็นวาระสำคัญของกรุงเทพมหานคร ที่ทุกคนต้องช่วยกัน ตนเองก็อยู่กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือรัฐบาล ต้องใช้ระบบการจราจรเช่นเดียวกัน ให้เข้าใจร่วมกัน และช่วยกัน และขอให้การแก้ไขจราจร มีผลรูปธรรมภายใน 3 เดือน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะผู้บริหาร กทม. ตรวจเยี่ยมระบบขนส่งมวลชน BTS โดยทดลองนั่งจากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ไปยังสถานีบางหว้า พร้อมกล่าวยอมรับว่าไม่ได้นั่งรถไฟฟ้ามาเป็น 10 ปีแล้ว ซึ่งการโดยสารของนายกฯครั้งนี้ เดินทางร่วมกับประชาชนทั่วไป ไม่มีการปิดกั้น นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังลุกให้ผู้โดยสารคนอื่นนั่งแทน ก่อนที่ตัวเองจะเดินทักทายและพูดคุยกับประชาชนในขบวนรถอย่างเป็นกันเอง ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากประชาชน ที่พูดคุย ขอถ่ายรูป ทั้งนี้เมื่อคณะของนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงสถานีกรุงธนบุรี ได้มีประชาชนตะโกนให้กำลังใจ"ลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่" ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับยิ้มแก้มปริ จากนั้นเดินทางต่อโดยใช้ทางเดินยกระดับ หรือ สกายวอร์ค
ในโอกาสนี้ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ได้มอบบัตรรถไฟฟ้า BTS ให้กับนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นภาพนายกรัฐมนตรีสวมชุดข้าราชการ บังคับรถไฟฟ้าเมื่อครั้งนายกรัฐมนตรีเดินทางไปเปิดสถานีรถไฟฟ้าสำโรง พร้อมเติมเงินให้จำนวน 500 บาท
จากนั้นนายกรัฐมนตรีรับฟังบรรยายข้อมูลการเดินเรือคลองภาษีเจริญ เส้นทางส่วนต่อขยายไปวัดกำแพงบางจาก และแผนงานการพัฒนาการเดินเรือในคลองภาษีเจริญ และส่วนต่อขยายในอนาคตบริเวณท่าเรือตากสิน-เพชรเกษม (บางหว้า) และลงเรือที่ท่าเรือสะพานตากสินไปยังท่าเรือวัดกำแพงบางจากระยะทาง 2.5 กม.จากนั้นเดินทางต่อไปยังวัดอินทาราม (บางยี่เรือ) เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการฟื้นวิถีชีวิตชุมชนคลองบางหลวงผ่านการท่องเที่ยวย่านประวิตศาตร์กรุงธนบุรี
สำหรับโครงการเดินเรือในคลองภาษีเจริญอยู่ในระยะทดลองโดยให้บริการประชาชน โดยไม่เก็บค่าโดยสารทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. โดยมีเรือออกทุก 30 นาที ซึ่งจะวิ่งผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเช่น ตลาดคลองบางหลวง บ้านศิลปิน และชุมชนร้านค้าโบราณ เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ลงพื้นที่เพื่อติดตามปัญหาจราจรในกทม. ซึ่งต้องดูในเขตปริมณฑลและต่างจังหวัดด้วย เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกัน เพื่ออนาคตที่ดีของทุกคนในประเทศ ซึ่งนี่คือการเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และวันนี้มีรัฐบาลมีการเดินหน้าแผนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมีการลงทุนงบประมาณมากพอสมควร รวมถึงแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ และรถไฟความเร็วปานกลาง ซึ่งการลงทุนสาธารณูปโภคต่างๆนั้น ไม่ได้มุ่งหวังกำไร แต่เพื่อให้มีการพัฒนาเมืองใหม่ในพื้นที่ตลอดสองข้างทาง และเชื่อมต่อทางการค้ากับต่างประเทศ รองรับการเป็นศูนย์กลางอาเซียน และการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหากฎหมายต่างๆ รวมถึงกฎหมายผังเมือง ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาทุก 5 ปี โดยประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งรัฐบาลจะดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบและเสียประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคต่างๆ
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลดูแลประชาชนในทุกมิติ โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ ปัญหาที่ดินทำกิน การเพิ่มรายได้ให้ภาคการเกษตร การดูแลผู้มีรายได้น้อย รวมถึงการค้าระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก เพราะย่อยสลายยาก ซึ่งประเทศไทยมีอัตราการใช้ถุงพลาสติกมากเป็นอันดับสองของโลก รวมถึงดูแลเรื่องขยะพิษ ทั้งนี้ยังขอความร่วมมือประชาชนในการรับข้อมูลข่าวสาร จากสื่อโซเซียล ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ซึ่งบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงให้ข้อเสนอแนะ ยืนยันรัฐบาลดำเนินการทุกอย่าง เพื่อประชาชน และพร้อมส่งต่อรัฐบาลต่อไปที่จะเข้ามาทำงาน และทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะเลือกเข้ามาสานงานต่อรัฐบาลชุดนี้