นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม – 22 กันยายน 2561 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินถล่มในพื้นที่ 23 จังหวัด ได้แก่ น่าน เชียงราย ลำปาง พะเยา เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน หนองคาย นครพนม บึงกาฬ เพชรบุรี สกลนคร นครนายก ชัยภูมิ เพชรบูรณ์ พิจิตร กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สระบุรี ลพบุรี ฉะเชิงเทรา สตูล และตราด รวม 120 อำเภอ 530 ตำบล 2,973 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 72,680 ครัวเรือน 232,052 คน ผู้เสียชีวิต 5 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 20 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง พะเยา เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ เชียงราย พิจิตร ชัยภูมิ สระบุรี ลพบุรี หนองคาย อุบลราชธานี กาฬสินธุ์ บึงกาฬ นครพนม ตราด สกลนคร เพชรบุรี น่าน และสตูล
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 3 จังหวัด ในลุ่มน้ำบางปะกง รวม 11 อำเภอ 47 ตำบล 329 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,907 ครัวเรือน 41,190 คน ได้แก่ นครนายก น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครนายก อำเภอบ้านนา อำเภอองครักษ์ และอำเภอปากพลี รวม 22 ตำบล 169 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,126 ครัวเรือน 29,431 คน พื้นที่การเกษตรคาดว่าเสียหาย 1,040 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง ปราจีนบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปราจีนบุรี และอำเภอบ้านสร้าง รวม 9 ตำบล 63 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,963 ครัวเรือน 6,345 คน ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง ฉะเชิงเทรา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางคล้า อำเภอพนมสารคาม อำเภอบ้านโพธิ์ และอำเภอราชสาส์น รวม 16 ตำบล 97 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,818 ครัวเรือน 5,414 คน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง
ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยสนับสนุนระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ทั้งนี้ ได้กำชับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วให้เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป ท้ายนี้หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป