นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า การปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆ ที่มีความต้องการนั้น กรมฝนหลวงฯ ยังให้ความสำคัญและเร่งทำฝนตามแผนปฏิบัติการที่ได้มีการขยายเวลาไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจะช่วยเหลืออ่างเก็บน้ำที่มียังมีปริมาณน้ำเก็บกักน้อย เช่น อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำลาด อ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ จังหวัดนครสวรรค์ อ่างเก็บน้ำ ลำมูลบน จังหวัดนครราชสีมา อ่างเก็บน้ำห้วยยาง จังหวัดสระแก้ว เป็นต้น รวมถึงอ่างเก็บน้ำและเขื่อนอื่นๆ ก็จะเร่งปฏิบัติการเพื่อให้มีปริมาณน้ำเก็บกักรองรับฤดูแล้งให้มากที่สุดเช่นกัน
สำหรับผลการปฏิบัติการเพิ่มปริมาณตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน-20 ตุลาคม 2561 มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนและอ่างเก็บน้ำจำนวน 121.612 ล้าน ลบ.ม. จากแผนคาดการณ์ 155 ล้าน ลบ.ม.
นอกจากนี้ จากการติดตามสถานการณ์พื้นที่การเกษตรในหลายภูมิภาคของประเทศ พบว่ายังคงมีพื้นที่การเกษตรที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับพืชที่กำลังอยู่ในระยะเติบโตหลายพื้นที่ โดยเฉพาะทางภาคเหนือบริเวณตำบลนาอินและนายาง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งมีเกษตรกรขอรับบริการฝนหลวงเข้ามาผ่านทางเกษตรอำเภอ เจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่สำรวจพบว่าบริเวณดังกล่าวกำลังปลูกข้าวจำนวนกว่า 50,000 ไร่ เป็นบริเวณพื้นที่ดอนอับฝน มีฝนตกน้อย และอยู่นอกเขตชลประทาน ทำให้มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของข้าวในระยะตั้งท้องที่คาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
โดยกรมฝนหลวงฯ จึงเร่งปฏิบัติการช่วยเหลือทันทีเมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้มีฝนตกในพื้นที่ปลูกข้าว วัดปริมาณน้ำฝนได้ 33 มิลลิเมตร ซึ่งสามารถช่วยหล่อเลี้ยงต้นข้าวให้เจริญเติบโตได้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้กรมฝนหลวงฯ สามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ร้องขอฝนบริเวณจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม หนองบัวลำภู ชัยภูมิ เลย นครราชสีมา บุรีรัมย์ สระบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และสระแก้ว โดยในภาพรวมของการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม-21 ตุลาคม 2561 มีพื้นที่ที่ได้รับการช่วยเหลือจำนวนทั้งสิ้น 137.57 ล้านไร่